ประเด็นเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ทำให้หลายบริษัทลดสัดส่วนการลงทุนลงเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงขึ้น อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมายังมีปัจจัยต่างๆ ทำให้ตลาดเกิดความผันผวน แม้เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มฟื้นตัวที่สดใส จากภาคการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง
แต่การลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากสำหรับผู้ประกอบการ จากแนวโน้มการเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว และทำให้มีการปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลให้บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร มีการเติบโตได้ต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
เป้าหมายผลงานโต 5 เท่าใน 3 ปี
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2568 จะเติบโต 5 เท่าเมื่อเทียบกับรายได้ปี 2565 ที่มีรายได้ 564 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้ารายได้จะเติบโตที่ระดับ 120% หรือแตะ 1,200 ล้านบาท จากรายได้จากตลาดยุโรปและอาเซียนที่คาดว่าจะเติบโตสูงเป็นประวัติการณ์
เล็งปิด 1 ดีลธุรกิจซอฟต์แวร์เพิ่มปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้อย่างน้อยหนึ่งรายในปีนี้ เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ โดยใช้เงินลงทุนจากกระแสเงินสด นอกจากนี้ยังมีดีลที่อยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายราย โดยบริษัทมุ่งเน้นสร้างความร่วมมือและเข้าซื้อกิจการที่สามารถเสริมแกร่งให้กับบริการหลักและสร้างโอกาสใหม่ๆ จากแผนการขยายตัวผ่านการควบรวมกิจการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างศักยภาพการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโตต่อเนื่องตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ ทำให้ปัจจุบันบลูบิคมีพื้นฐานและความพร้อมที่แข็งแกร่ง มีบริการแบบ End-to-End ที่สามารถเทียบชั้นกับบริษัทที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันระดับสากล และยังมีศักยภาพในการขยายตัวไปยังธุรกิจและตลาดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
เปิดเกมรุกต่างประเทศ สู่ Global Player
นอกจากนี้ บริษัทมีเป้าหมายในการขยายตลาดสู่ต่างประเทศมากขึ้น โดยปีนี้คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 15-20% พร้อมวางแผนเปิดตลาดในสหรัฐอเมริกา หลังพบความต้องการใช้ IT Outsourcing กำลังมาแรงและมีโอกาสขยายตัวอีกมาก ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลตลาดและสัญญาณเศรษฐกิจ เพื่อประเมินความคุ้มค่าในการลงทุนตั้งออฟฟิศ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในต้นปีหน้า
อย่างไรก็ดี บริษัทมีศักยภาพในการรับงานขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน เพราะมีจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีพร้อมรองรับทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศผ่าน Bluebik Technology Center ในประเทศอินเดียและเวียดนาม เชื่อว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเติบโตแบบมีนัยสำคัญ หรืออาจเกินครึ่งหนึ่งของรายได้รวมภายใน 5 ปีข้างหน้า
เข้าเทรดกระดาน SET ในอีก 3 ปี
นายพชร กล่าวอีกว่า หุ้น BBIK มีโอกาสที่จะเข้าซื้อขายในกระดาน SET ในอีก 3 ปีข้างหน้า หากผลการดำเนินงานเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งบริษัทมีแผนพิจารณาเพิ่มทุนเพื่อให้ตรงเงื่อนไขของเกณฑ์ด้านทุนจดทะเบียนที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้กำหนดไว้ จากปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 54.44 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ Generative AI อย่างเข้มข้น รับกระแสการใช้ประโยชน์จาก AI ในภาคธุรกิจ หวังปั้นเป็นอีกหนึ่งบริการเด่น หนุนสัดส่วน Recurring Income เพิ่ม อีกทั้งเป็นการเปิดโอกาสการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการดังกล่าวร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจอีกด้วย