MAJOR รายได้แน่นหนังดีครึ่งปีหลังเพียบ แถมยอดขายป๊อปคอร์นโตเด่น เตรียมรับรู้กำไรพิเศษขาย MPIC

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

MAJOR รายได้แน่นหนังดีครึ่งปีหลังเพียบ แถมยอดขายป๊อปคอร์นโตเด่น เตรียมรับรู้กำไรพิเศษขาย MPIC

Date Time: 22 มิ.ย. 2566 18:03 น.

Video

แก้เกมหุ้นไทยตกต่ำ ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดแผนฟื้นความเชื่อมั่น | Money Issue

Summary

  • - MAJOR เชื่อรายได้ปีนี้กลับมาอยู่ที่ 80% ของช่วงก่อนโควิด เผยหนังเข้าฉายครึ่งปีหลังเพียบ พร้อมชูรายได้ป๊อปคอร์น-เครื่องดื่มเติบโต
  • - วางงบลงทุนปีนี้ 600 ล้านบาท ลุยขยายเพิ่ม 45-50 โรง พร้อมแผนอัดงบอีก 500 ล้านบาทต่อปี รีโนเวทโรงหนังสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้ผู้ชม
  • - เตรียมบันทึกกำไรพิเศษขายหุ้น MPIC ไตรมาส 2/66 เผยอยู่ระหว่างหาแผนการใช้เงินดังกล่าว เตรียมยื่นเสนอให้บอร์ดพิจารณา

Latest


คุณศุภารี จายะภูมิ ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์และความยั่งยืนองค์กร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่ารายได้ปี 2566 จะฟื้นตัวกลับมาได้ 80% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งรายได้ปี 2562 อยู่ที่ 10,822.47 ล้านบาท


ขณะเดียวกันแนวโน้มผลประกอบการไตรมาสที่ 2/66 มีโอกาสเติบโตดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากปัจจัยฤดูกาลที่จะมีภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศเข้าฉายมากขึ้น เช่น Fast X และ The Little Mermaid 


ทั้งนี้ ภาพยนตร์ที่เตรียมจะเข้าฉายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีจำนวนมาก และคาดว่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างดี เช่น Transformers, Mission: Impossible, The Hunger Games, The Marvels, Aquaman, The Flash, Spider-Man, Barbie รวมถึงภาพยนตร์ไทยอีกหลายเรื่องที่มีสเกลขนาดใหญ่ ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้จากตั๋วหนังให้เติบโตได้เช่นกัน


ขณะที่รายได้จากการขายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยอดขายในโรงหนังและการสั่งผ่านเดลิเวอรี โดยบริษัทมีแนวทางในการรักษาคุณภาพและออกรสชาติใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และบริษัทเชื่อว่าสัดส่วนรายได้จากการขายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม จะเติบโตไปใกล้เคียงกับรายได้จากยอดขายตั๋วหนังได้ในอนาคต


นอกจากนี้ บริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นป๊อปคอร์นพร้อมทาน (ready to eat) ภายใต้แบรนด์ POPSTAR คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายใน 7-Eleven ได้ภายในไตรมาส 3/66 หรือต้นไตรมาสที่ 4/66 จากเดิมที่คาดว่าจะสามารถขายได้ในไตรมาสนี้เนื่องจากติดกระบวนการบางอย่างในการติดต่อกับหน่วยงานราชการ


ปัจจุบันบริษัทมีโครงสร้างรายได้จากการขายตั๋วหนัง 51% รายได้จากการขายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม 27% ธุรกิจสื่อโฆษณา 11% ธุรกิจโบว์ลิ่ง คาราโอเกะ และลานสเก็ตน้ำแข็ง 5% รายได้จากค่าเช่า 4% และธุรกิจสื่อภาพยนตร์ 3%


อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนในการขยายการให้บริการโรงภาพยนตร์ปีนี้จำนวน 45-50 โรง ซึ่งเป็นการเติบโตไปพร้อมกับผู้ประกอบการเจ้าของพื้นที่ให้เช่า เช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ต และช็อปปิ้งมอลล์ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 600 ล้านบาท พร้อมทั้งวางงบลงทุนไว้สำหรับการรีโนเวทโรงภาพยนตร์เดิมอีก 500 ล้านบาทต่อปี เช่น การเปลี่ยนจากจอดิจิทัลเป็นจอเลเซอร์ ให้ภาพและเสียงคมชัดมากยิ่งขึ้น และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ชม


คุณศุภารี กล่าวอีกว่า สำหรับการขายหุ้นของบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC ออกไปนั้น บริษัทจะมีการบันทึกเป็นกำไรพิเศษจากการขายหุ้นภายในงบไตรมาสที่ 2/66 ซึ่งแผนการใช้เงินดังกล่าวอยู่ระหว่างกระบวนการเพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุด ส่วนจะมีการปันผลหรือไม่นั้น บริษัทยินดีนำความคิดเห็นของนักลงทุนทุกท่านเสนอเข้าที่ประชุมทุกความเห็น


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์