EA วางงบ 11,000 ล้าน ลุยธุรกิจแบต-รถยนต์ไฟฟ้า รับอานิสงส์ตลาดไทยโตแรง คาดรายได้พุ่งไม่ต่ำ 50%

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

EA วางงบ 11,000 ล้าน ลุยธุรกิจแบต-รถยนต์ไฟฟ้า รับอานิสงส์ตลาดไทยโตแรง คาดรายได้พุ่งไม่ต่ำ 50%

Date Time: 7 มิ.ย. 2566 15:52 น.

Video

ทางรอดเศรษฐกิจไทยในยุค AI ครองโลก | 1st Anniversary Thairath Money

Summary

  • บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้โต 50% วางงบลงทุน 11,000 ล้านบาท ลุยธุรกิจแบตเตอรี่-รถยนต์ไฟฟ้าต่อเนื่อง เชื่อรัฐบาลปรับค่า FT ลง จะกระทบความสามารถทำกำไรโรงไฟฟ้าเล็กน้อย

Latest


นายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2566 เติบโตมากกว่า 50% หรือเพิ่มขึ้น 1.5 เท่าจากปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้หลักจากธุรกิจแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าที่ 53% ธุรกิจโรงไฟฟ้า 27% ส่วนที่เหลือเป็นธุรกิจไบโอดีเซลและธุรกิจอื่นๆ โดยเชื่อว่าธุรกิจแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าจะมีการเติบโตได้ดี สะท้อนจากผลประกอบการในไตรมาส 1/66 โตได้ถึง 1.8 เท่า


ปัจจุบันตลาดรวมของยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยมีทั้งหมดราว 1.3 ล้านคัน แบ่งเป็นรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า (EV truck) ราว 1.2 ล้านคัน ซึ่งมีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้นประมาณ 7 หมื่นคันต่อปี ส่วนรถบัสไฟฟ้า (EV bus) มีอยู่ราว 1.32 แสนคัน เพิ่มขึ้นปีละ 1 หมื่นคัน ซึ่งถือว่าตลาดมีขนาดใหญ่มาก และมองเป็นโอกาสของบริษัทในการเข้าไปนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าเพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาดได้


ทั้งนี้บริษัทวางงบลงทุนรวมไว้ที่ 11,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายโรงงานแบตเตอรี่เป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วน 63% ของงบลงทุนทั้งหมด โดยจะมีการลงทุนโรงงานแบตเตอรี่ NMC ขนาด 2 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง ตอบสนองความต้องการใช้แบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2568 ประเมินว่าความต้องการใช้แบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จะมีมากกว่า 4.5 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง ส่วนที่เหลือใช้สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้า 19% ธุรกิจไบโอดีเซล 5% และงบอื่นๆ อีก 13%


นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาความร่วมมือทางธุรกิจ (Partnership) ในการลงทุนมอเตอร์ขับเคลื่อนและระบบส่งกำลัง หลังจากปัจจุบันได้มีความร่วมมือเพื่อลงทุนระบบการจัดการแบตเตอรี่แล้ว ทั้งนี้เพื่อหาโอกาสในห่วงโซ่คุณค่าจากการชิงส่วนแบ่งการตลาดที่มากขึ้นในอนาคต


นายวสุ กล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 664 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลม 396 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 278 เมกะวัตต์ สามารถเติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา โดยในไตรมาสที่ 1/66 มีรายได้เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 34% จากลมที่ดีกว่าปีก่อนและมีการเปลี่ยนแผงโซลาร์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


ส่วนประเด็นการประกาศปรับลดค่าเอฟที (Ft) งวดพฤษภาคม-สิงหาคมนั้น บริษัทมองว่าจะกระทบต่อความสามารถทำกำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของบริษัทมาจากพลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก และไม่ได้มาจากน้ำมัน โดยเชื่อว่าจะมีการปรับลดลงไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว


ขณะเดียวกันบริษัทมีการพัฒนาระบบต่างๆ ในธุรกิจโรงไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา ทั้งในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยล่าสุดบริษัทได้มีการติดตั้ง Robot Cleaning ในแผงโซลาร์ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าดีขึ้นด้วย


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ