เปิดใจ ขันเงิน หลังฮุบ MPIC ปั้นโปรเจกต์ดันเด็กไทยโกอินเตอร์ พร้อมดันธุรกิจเครื่องดื่มเข้า IPO

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เปิดใจ ขันเงิน หลังฮุบ MPIC ปั้นโปรเจกต์ดันเด็กไทยโกอินเตอร์ พร้อมดันธุรกิจเครื่องดื่มเข้า IPO

Date Time: 6 มิ.ย. 2566 12:12 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Summary

  • - เข้าเทกโอเวอร์ MPIC เพื่อสานต่อวิชั่น ดันเด็กไทยโกอินเตอร์
  • - คงธุรกิจเดิมของ MPIC ไว้ แต่จะต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะในด้านคอนเสิร์ต
  • - มองโอกาสผลักดัน ธุรกิจเครื่องดื่มเข้าตลาดหุ้นในอนาคต
  • - แจงเหตุ อดีตกรรมการ STARK เข้าซื้อ เป็นนักกฎหมายเข้าทำรายการแทน
  • - คาดเห็นการเปลี่ยนแปลงในปี 2567 เป็นต้นไป

Latest


เป็นกระแสข่าวครึกโครมอย่างมาก เมื่อ นายขันเงิน เนื้อนวล หรือ ขันเงิน ไทยเทเนี่ยม กำเงิน 650 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC จำนวน 92% โดยเมื่อปรากฏชื่อของขันเงิน เข้าถือหุ้น ทำให้ราคาหุ้นของ MPIC ในวันที่ 2 มิ.ย. พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 2.52 บาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 22 พ.ค. วันที่ทำรายการที่ราคา 1.52 บาท หรือเพิ่มขึ้น 65%

         โดย Thairath money ได้เปิดใจแร็ปเปอร์ ชื่อดัง ถึงโปรเจกต์ New world ที่จะสร้างการเติบโตให้กับ MPIC และตอบถึงกระแสข่าวความคาใจในเรื่องการทำธุรกรรมที่สร้างความสงสัยให้กับนักลงทุนในตลาดหุ้น

 

นายขันเงิน เนื้อนวล กรรมการ บริหาร บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ Thairath Money ว่า ในการเข้ามาซื้อหุ้น MPIC นั้นเพราะเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมาเราจะเห็นว่า ศิลปินแร็ปเปอร์ในต่างประเทศส่วนใหญ่จะมีธุรกิจของตัวเอง เพื่อเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวก็มีการทำธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของ MPIC เรามองในโอกาสของธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่จะเติบโตได้อย่างมากในอนาคต

 

สิ่งที่จะเกิดขึ้นใน MPIC จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ old world ธุรกิจเดิมของ MPIC ในด้านภาพยนตร์ ยังเดินหน้าต่อไป ซึ่งธุรกิจภาพยนตร์นั้นเป็นตลาดที่กว้างและมีศักยภาพในการเติบโต โดยเรามองว่า เราสามารถต่อยอดในธุรกิจนี้ได้

         แต่เราจะเติมเต็มในส่วนของ New world โดยภาพที่เราอยากเห็น คือ การส่งเสริมศิลปินไทยให้มีโอกาสออกไปเติบโตในนอกประเทศ โดยใช้ประสบการณ์ของเราช่วยในการผลักดัน รวมถึงการนำคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ หรือ เทศกาลดนตรี ที่มีชื่อเสียงเข้ามาจัดในประเทศไทย
         ซึ่งในการทำธุรกิจไม่ใช่ว่าเราจะรู้ทุกอย่าง แต่ผมมีวิชั่นว่า เราจะเดินหน้าต่อไปแบบไหนอย่างไร ซึ่งเรามีทีมที่ดีที่จะช่วยกันสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้ และมาร่วมกันดูว่าในวิชั่นที่ผมมีนั้นจะสามารถพัฒนาต่อยอดให้กับบริษัทเติบโตได้อย่างไร

         ส่วนการจะเปลี่ยนชื่อ MPIC เป็นชื่ออื่นหรือไม่ ส่วนตัวมองว่า อาจจะเปลี่ยนชื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจที่เปลี่ยนไป ส่วนจะเปลี่ยนเป็น KH ตาม AKA ในวงการแร็ปเปอร์ หรือไม่นั้น ส่วนตัวคิดว่าจะไม่ใช้ KH เพราะมองว่ามันดูส่วนตัวเกินไป น่าจะใช้ชื่ออื่น

 

อย่างไรก็ตาม ในด้านธุรกิจนอกจาก MPIC แล้วปัจจุบันยังมีค่ายเพลง Thaitanium Entertainment ที่ยังรับหน้าที่ดูแลศิลปิน ไทยเทเนี่ยม นอกจากนี้ เรายังทำธุรกิจด้านเครื่องดื่ม THAITANIUM POWER (ไทยเทเนี่ยมพาวเวอร์) ที่เริ่มรับธุรกิจได้ 6 เดือนได้รับการตอบรับดีกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป็นผลสำเร็จมาจากเป็นสปอนเซอร์ ศิลปิน ฮิปฮอป ชื่อดังรุ่นใหม่ รับการตอบรับที่ดีจากตลาด ซึ่งใน THAITANIUM POWER เรามีแผนจะผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต

 

 

นายจิรัชย์ วงษ์ตระหง่าน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ Thairath money ว่า ในการเข้ามาซื้อหุ้น MPIC ของนายขันเงินนั้นเป็นการเข้ามาเพื่อต้องการทำธุรกิจ ทั้งนี้ สาเหตุที่มีการเปลี่ยนชื่อจาก นายชินวัฒน์ อัศวโภคี อดีตกรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นั้น เนื่องจากเป็นนักกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญเข้าทำรายการแทน คุณขันเงิน ซึ่งเป็นศิลปินชื่อดัง จนกระทั้งทำรายการแล้วเสร็จ

 

“ในการเข้าทำรายการซื้อหุ้น MPIC นั้น เราได้มอบหมายให้กับนักกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญเข้าไปทำรายการดังกล่าว เพราะเรามองว่าหากเปิดชื่อคุณขันเงิน ตั้งแต่แรกอาจสร้างอิมแพ็กต่อหุ้น จนกระทั่งการทำรายการแล้วเสร็จ ดังนั้นไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติ”

 

ทั้งนี้ ในการเข้าถือหุ้น MPIC ทางทีมงานได้มีการศึกษาและทำดีลนี้นานพอสมควร โดยเรามองว่า MPIC มีศักยภาพในการเติบโตที่สูง เพราะอยู่ในธุรกิจด้านภาพยนตร์ ที่มีความแข็งแกร่งและสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยเราจะยังคงธุรกิจเดิมของ MPIC ไว้ก่อน

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราจะเข้ามาเติมเต็มให้กับ MPIC คือการนำธุรกิจด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์อื่นๆ เข้ามาต่อเชื่อม ทั้งธุรกิจด้าน Old world เราจะรันธุรกิจเดิมอยู่ ทั้งลิขสิทธิ์หนังที่บริษัททำอยู่ ส่วนใน newworld เราจะดูคอนเทนต์ที่นำไปต่อยอดในต่างประเทศได้ ซึ่งเทรนด์ธุรกิจในอนาคตที่จะเติบโตได้ดี คือ คาร์บอนเครดิต และซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเราอยากมองผู้ประกอบการด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์ในเมืองไทย สามารถผลักดันไปต่างประเทศได้ โดยใช้ประสบการณ์ของพี่ขันในการผลักดัน

ในความร่วมมือเราไม่เกี่ยงว่าจะเป็นทุนใหญ่ หรือ ทุนเล็ก เราพร้อมที่จะร่วมลงทุน ซึ่งเรามีการเจรจาไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ อย่างไรก็ตาม ในภาพของผลการดำเนินงานในปี 2566 จะยังคงอยู่ในฐานธุรกิจเดิมของ MPIC เป็นหลัก และน่าจะได้เห็นความชัดเจนและรับรู้ของธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามาเติมเต็มในปี 2567

 

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ