ช่วงเวลาของการลงทุนได้เดินทางมาถึงช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ขณะที่การเลือกตั้งของประเทศไทยได้สิ้นสุดลง นักลงทุนต่างคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งจะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อ การจับจ่ายใช้สอย และการบริโภคภายในประเทศให้ดียิ่งขึ้น อาจส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก ให้เติบโตได้โดดเด่นยิ่งขึ้น
ขณะที่การลงทุนในเวียดนามปัจจุบัน เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของหลายๆ บริษัท เนื่องจากมีแนวโน้มอัตราการเติบโตที่ดี โดยหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่ลงไปทำตลาดค้าปลีกในเวียดนาม นั่นคือ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP
บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว เช่น เยลลี่พร้อมดื่มและเยลลี่คาราจีแนน ภายใต้ตราสินค้าเจเล่ ปลาหมึกอบ ปลาหมึกเส้น และปลาเส้น ภายใต้ตราสินค้าเบนโตะ และขนมขึ้นรูปและขนมปังแท่งภายใต้ตราสินค้าดอกบัว โลตัส
จากการเก็บข้อมูลของ Thairath Money พบว่าผลประกอบการ 3 ปีย้อนหลัง SNNP มีผลประกอบการที่เติบโตมาโดยตลอด โดยงบปี 2563 มีรายได้รวม 4,435.67 ล้านบาท กำไรสุทธิ 93.82 ล้านบาท ต่อมาปี 2564 แม้รายได้ลดลงเล็กน้อยมาที่ 4,391.09 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิยังเติบโตที่ 437.17 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565 รายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดมาที่ 5,603.98 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 515.72 ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/66 มีรายได้รวม 1,427.4 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 154.0 ล้านบาท เพิ่มข้ึน 1.5 ล้านบาท หรือ 1.0% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4/2565 และเพิ่มขึ้น 48.6 ล้านบาท หรือเติบโต 46.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา รวมถึงการบริหารจัดการ ต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพและได้ประสิทธิผลสูงสุด
นาย ธีร์ธนัตถ์ จินดารัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของ SNNP ในไตรมาสที่ 2/66 เชื่อว่ากำไรสุทธิน่าจะทำสถิติใหม่สูงสุดได้ต่อ (New high) จากรายได้จากยอดขายในประเทศน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขายในประเทศเวียดนามที่หดตัวไปในไตรมาสที่ 4/65 จากผลกระทบของวันหยุด เริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ผ่านมาแล้ว และจะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2/66 ด้วย
ขณะเดียวกันเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) น่าจะขยายตัวได้ต่อได้ที่ระดับ 30% จากไตรมาสที่แล้วที่ทำได้ราว 29% หลังบริษัทตั้งเป้าหมายจะทำให้ได้ภายในไตรมาสที่ 4/66 ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ได้ตามแผน คือ โรงงานในเวียดนามจะมีอัตราใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมาร์จิ้นในเวียดนามอยู่ในระดับที่ดีกว่าไทย จะส่งผลให้เมื่อยอดขายในเวียดนามเติบโต อัตรากำไรก็จะดีขึ้น ประกอบกับบริษัทมีแผนเปิดโรงงานผลิตที่เวียดนาม เฟส 3 ในไตรมาสที่ 3/66 ด้วย
ส่วนความเสี่ยงของ SNNP ที่ต้องติดตาม คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไทยและในเวียดนามเป็นหลัก หากเศรษฐกิจทั้งสองประเทศนี้ชะลอตัวลงอาจกระทบต่อผลประกอบการได้ แต่ในเวียดนามแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวลง แต่ถือเป็นช่วงแรกที่บริษัทเพิ่งเริ่มเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานใหม่ และทำตลาดในร้านค้าต่างๆ จึงทำให้มองว่ามีโอกาสในการเติบโตได้อยู่ ซึ่งปัจจุบัน portion ของบริษัทยังไม่ได้ใหญ่มากนัก
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นปรับตัวมาค่อนข้างมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ upside มีไม่มาก จึงมองกลยุทธ์การลงทุนเป็นลักษณะ Trading ที่ราคาเป้าหมาย 25.25 บาท มองว่าการเข้าซื้อในช่วงราคาปัจจุบันสามารถลงทุนได้ และคาดหวังการขายทำกำไรที่ระดับราคา 25 บาท
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ จากมีภาพรวมธุรกิจดีตามคาด จากในไตรมาส 1/66 รายได้ต่างประเทศอยู่ที่ 326 ล้านบาท เติบโต 39% จากปีก่อน แต่ลดลง 38% จากไตรมาส 4/65 จากเทศกาลเต๊ด (เทศกาลตรุษญวน) โดยรายได้เวียดนามปรับตัวลดลง 41% จากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม รายได้เวียดนามจะปรับตัวกลับสู่ปกติหลังจบเทศกาลดังกล่าว
ขณะที่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างติดตั้งเครื่องจักรเบนโตะ เริ่มผลิตสินค้าจำหน่ายในเดือนมิถุนายนปีนี้ ทั้งนี้ คงเป้ารายได้เวียดนาม 1,000 ล้านบาท (+62% YoY) โดยมองว่ารายได้จะเติบโต YoY, QoQ ในทุกๆ ไตรมาสตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/66 เนื่องจากเริ่ม เดินเครื่องจักรไลน์การผลิต Bento ซึ่งขายดีอันดับ 1 ของ SNNP เวียดนาม ปัจจุบันที่ส่งออกจากไทยไปไม่เพียงพอขาย และยังมีการรุกทำตลาด traditional trade ทั้งการเพิ่มร้านค้าและเพิ่ม pack size ใหม่
สำหรับไตรมาส 2/66 คาดผลประกอบการโต YoY, QoQ โดยรายได้ทั้งในและต่างประเทศขยายตัว ทั้งนี้รายได้ Jele ในประเทศเดือนเมษายน ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยมีแผนจะออกสินค้าใหม่ 10 SKUs และอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนออกสินค้าใหม่ในไตรมาส 3/66 จำนวน 7-8 SKUs ส่วนไตรมาส 4/66 มีแผนออก Jele Freshy, Jele Chewy และ Bento รสใหม่ คงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 722 ล้านบาท หรือเติบโต 40% จากปีก่อน ซึ่งกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ผ่านมามีสัดส่วนที่ 21% ของประมาณการแล้ว ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ขยายตัวจากรายได้ในประเทศและต่างประเทศเติบโตต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นทรงตัวเมื่อเทียบกับดัชนี SET ใน 1 เดือนที่ผ่านมา เราชอบ SNNP จาก valuation น่าสนใจ อีกทั้งยังมี upside จากสินค้านวัตกรรม และการรุกทำตลาดในประเทศใหม่ แนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท
ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า มีมุมมอง Slightly Positive จาก Analyst Meeting โดยปีนี้มองการเติบโตหลักมากจากประเทศเวียดนามจากการเปิดโรงงาน เฟส 2-3 ที่จะช่วยเพิ่มยอดขาย เป็นผลมาจากการทำตลาดมายาวนาน และทำอัตรากำไรได้อย่างดี จากต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าโรงงานในไทย รวมถึงยอดขายจากประเทศอื่นๆ ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้จากการขยายฐานในประเทศใหม่ๆ
นอกจากนี้ ปีนี้ยังมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คาดทั้งปีไม่ต่ำกว่า 20 SKUs เบื้องต้นมองกำไรไตรมาสที่ 2/66 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน และเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้จากฤดูร้อนที่เป็น High season ของเจเล่ และการเปิดโรงงานในเวียดนามเฟส 2 ที่จะหนุนทั้งยอดขายและอัตรากำไร โดยคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 28 บาท