ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 พ.ค.66 ปิดที่ 1,522.74 จุด ลดลง 17.10 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 57,401.27 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 4,439.34 ล้านบาท
บล.กรุงศรีพัฒนสิน แนะกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ มองภาพระยะกลางที่เรามีโอกาสได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เดินหน้านโยบายเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว เป็นแรงหนุนให้ดัชนีขึ้นไปสู่เป้าหมายปีนี้ที่ 1,768 จุดได้ ทั้งนี้ อิง ERP เฉลี่ย 3.35% โดยยังให้ลงทุนหุ้นไทยน้ำหนัก 80%
แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก China Reopening โดยให้รอจังหวะสะสมในหุ้นกลุ่มเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล หุ้นที่มีปัจจัยบวก เฉพาะตัว มีกำไรไตรมาสแรกออกมาเด่นหรือเริ่มฟื้นตัวในระยะถัดไป
ด้านเทคนิคระยะสั้นให้แนวรับที่ 1,500-1,520 จุด และแนวต้านที่ 1,565-1,575 จุด ส่วนดัชนีจะมีโอกาสหลุด 1,500 จุดหรือไม่นั้น ต้องมีปัจจัยลบใหม่เข้ามาทำให้ตลาด panic แต่อย่างไรก็ตาม มองว่า ทุกครั้งที่ดัชนีหลุดแนวรับหลัก จะมีแรงซื้อเข้ามาพยุงดัชนีให้ปรับขึ้นได้ในระยะถัดไป
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองภาพใหญ่นักลงทุนกังวลการเจรจาเพดานหนี้สหรัฐฯ แม้จะเริ่มมีความคืบหน้าแต่ยังต้องติดตาม เพราะตัวเลขเศรษฐกิจบางประเทศชะลอตัว ส่วนปัจจัยในประเทศต้องจับตาดูพัฒนาการการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนในเชิงพื้นฐาน หากดัชนีลงมา 1,500 จุด ถือเป็นแนวสะสมสำหรับการลงทุนในระยะกลางและระยะยาวที่ดีในแง่ปัจจัยพื้นฐาน เพราะกำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/66 ออกมาดีกว่าคาด และตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ถือว่าโตดีกว่าคาด จึงมองดัชนีแถว 1,500 จุด เป็นแนวรับที่ดี
บล.เคจีไอ ประเมินว่า ดัชนีที่ระดับปัจจุบัน ยังมี value ดีอยู่ แม้จะมีการปรับลดเป้าดัชนี SET ลงก็ตาม โดยได้ปรับลดมูลค่าเหมาะสมของดัชนีในปี 66 ลงจากเดิมที่ 1,730 จุด เหลือ 1,670 จุด อิงจาก PE เป้าหมายที่ 16.0 เท่า
โดยมองว่าความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ และ ความกังวลที่ลดลงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอย เป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ตลาดฟื้นตัวได้ ทั้งนี้ ยังคงเน้นลงทุนหุ้นในธีมการบริโภค และการท่องเที่ยว เช่น กลุ่มธนาคารอุปโภคบริโภค และโรงแรม หุ้นเด่น BBL, KTB, CPALL, HMPRO และ ERW!!
ปิดท้าย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ดัชนีปัจจุบันที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 1,610 จุด ถือเป็นจุดน่าสะสมหุ้นเพิ่มเพื่อได้ผลตอบแทนในระยะกลาง–ยาว.
อินเด็กซ์ 51