นายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน และรองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL กล่าวว่า บริษัทคาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะมีนโยบายช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวต่อไป เพราะเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่มีความสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ หากส่วนใดที่รัฐบาลสามารถพิจารณาในการหาแคมเปญในการกระตุ้นการท่องเที่ยว หรือนโยบายเกี่ยวกับการช่วยลดภาระผู้ประกอบการ ก็จะสามารถช่วยให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก อย่างธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร
ขณะเดียวกัน บริษัทคาดหวังว่ากระบวนทุกอย่างในการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลชุดเดิมมาเป็นรัฐบาลชุดใหม่ จะเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดขัด ซึ่งมองว่าเสถียรภาพ (Stability) เป็นเรื่องสำคัญ และจะทำให้ธุรกิจของ CENTEL ได้รับอานิสงส์เชิงบวกมากขึ้น
สำหรับปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เดิมที่ 2.2 หมื่นล้านบาท (ไม่รวมธุรกิจร่วมทุน) แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรมประมาณ 9,000 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจอาหารราว 13,000 ล้านบาท โดยคาดว่าธุรกิจโรงแรมจะมีอัตราเข้าพักราว 68-72% และรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่ 3,350-3,650 บาท ส่วนธุรกิจอาหารคาดมีการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSS) ที่ 7-9% ส่วนการเติบโตของสาขาทั้งหมด (TSS) คาดอยู่ที่ 13-15%
ทั้งนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/66 คาดว่าธุรกิจโรงแรมในจะมีอัตราก่อนเข้าพักจะลดลงจากไตรมาสก่อน จากเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจ ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม แต่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก และมีการเปิดเส้นทางการบินมากขึ้น ส่วนธุรกิจอาหารในช่วงที่ผ่านมายังสามารถรักษาระดับ SSSG ได้ ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดทำได้ดีขึ้น แม้ค่าไฟยังเป็นปัจจัยกดดันต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทพยายามบริหารจัดการแล้วแต่อาจไม่ได้เห็นผลเร็วมากนัก
นายกันย์ กล่าวอีกว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีปัจจัยบวกสนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตยิ่งขึ้น ด้านธุรกิจโรงแรมมีการต่อสัญญาเช่าระยะยาวที่โรงแรมเซ็นทรัลหัวหิน และการเปิดโรงแรมใหม่ที่ญี่ปุ่น “เซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า” จะมีการเปิดตัวในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ส่วนธุรกิจอาหารได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากการไหลเข้าของนักท่องเที่ยวในไทย โดยสาขาที่เป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวมีการเติบโตอย่างโดดเด่น เช่น กรุงเทพมหานคร พร้อมการขับเคลื่อนภาพรวมเศรษฐกิจจะสนับสนุนให้อุตสาหกรรมอาหารเติบโตได้
นอกจากนี้บริษัทวางแผนการลงทุนสำหรับช่วง 3 ปี (2566-2568) ไว้ที่ระดับ 15,000-23,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะมีการลงทุนราว 4,400-4,800 ล้านบาท สำหรับการปิดเพื่อรีโนเวทโรงแรมในภูเก็ต และรีโนเวทห้องทั้งหมดของโรงแรมในพัทยา พร้อมทั้งมีการเริ่มลงทุนสำหรับรีสอร์ตในมัลดีฟส์เพิ่มเติม 2-3 แห่ง