ตลาดหุ้นร่วงเกือบ 20 จุด หวั่นเกรงความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังพรรคก้าวไกลได้คะแนนถล่มทลายเกินความคาดหมาย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่หุ้นยักษ์ใหญ่โรงไฟฟ้า ร่วงแรงเหตุนโยบายก้าวไกล หยุดเอื้อทุนพลังงาน และลดค่าไฟฟ้าทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย เมื่อวันที่ 15 พ.ค. หลังผลการเลือกตั้งออกมาปรากฏว่า พรรคก้าวไกลได้จำนวน ส.ส.มากที่สุด ตามด้วยพรรคเพื่อไทย ที่มีโอกาสได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ปรากฏว่าดัชนีหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงเปิดตลาดก่อนที่จะถูกเทขายกดดัชนีปรับตัวลดลงมาต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยนักลงทุนกังวลถึงการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล ที่อาจมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น รวมทั้งกังวลกับท่าทีของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ต้องอาศัยคะแนนโหวตจาก ส.ว.ส่วนหนึ่ง และนักลงทุนรอการฟอร์มทีมรัฐบาลโดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่ต้องดูว่าใครจะเข้ามาดูแลกระทรวงด้านเศรษฐกิจ
ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ก่อนมาปิดทำการที่ระดับ 1,541.38 จุด ลดลง 19.97 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 68,382.81 ล้านบาท หุ้นกลุ่มสื่อสารและโรงไฟฟ้าปรับตัวลงทั้งกระดาน ผวานโยบายพรรคก้าวไกลที่ประกาศว่าจะลดการผูกขาดและหยุดเอื้อทุนใหญ่พลังงานที่ได้สัมปทานจากรัฐ รวมทั้งนโยบายระยะสั้นที่ต้องทำทันที คือการลดค่าไฟฟ้าทันที 0.70 บาทต่อหน่วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าทันที โดยหุ้น GULF ลดลงแรง 4.50 บาท ปิดที่ 48 บาท
มีการประเมินว่าเพียงวันนี้วันเดียวหุ้น GULF ที่ราคาลงมาทำให้ความมั่งคั่งของนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ที่ถือหุ้น GULF รวม 73.57% หายวับทันที 40,000 ล้านบาท จาก 450,000 ล้าน บาท หุ้นสื่อสาร ADVANC ปิดที่ 211 บาท ลบ 10 บาท หุ้น SIRI ปรับลงมาที่ 1.75 บาท ลดลง 0.14 บาท ระหว่างวันลงลึกไปที่ 1.64 บาท อาจเป็นเพราะนักลงทุนผิดหวังกับคะแนนเสียงพรรคเพื่อไทยที่ออกมาน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและนักกลยุทธ์ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี (ประเทศไทย) กล่าวถึงสาเหตุที่หุ้นไทยปรับตัวลงว่า มี 3 ประเด็นหลักๆ ดังนี้ 1.ปกติแล้วการเลือกตั้งมักเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย แต่ระยะสั้นตลาดอาจเกิดความกังวล ทั้งการชนะอย่างท่วมท้นของพรรคก้าวไกล ที่เกินความคาดหมาย แม้ตลาดคาดหวังให้ 2 พรรคการเมืองใหญ่ ทั้ง ก้าวไกลและเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง แต่พรรคก้าวไกลมีเสียงมากกว่าขณะที่นักลงทุนอยากให้พรรคเพื่อไทยที่มีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และมีประสบการณ์มากกว่าเป็นหลักในการดูแลกระทรวง เศรษฐกิจ เพราะทีมก้าวไกลยังเป็นมือใหม่ ยังไม่มีทีมเศรษฐกิจที่มีประสบการณ์เท่าพรรคเพื่อไทย เป็นส่วนหนึ่งทำให้ตลาดไม่มั่นใจ
2.นโยบายของก้าวไกล ที่ประกาศจะเข้ามาตรวจสอบทุนขนาดใหญ่ที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มทุนพลังงานไฟฟ้า ส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวข้องเกิดความกังวลปรับตัวลงทั้งหมด นำโดยหุ้น GULF และหุ้นโรงไฟฟ้าทั้งหมด รวมทั้ง หุ้นสื่อสารโทรคมนาคมด้วย แต่กระบวนการต่างๆ ที่จะมาปฏิรูปอุตสาหกรรมต่างๆอาจไม่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว 3.ความไม่แน่นอนของนโยบายบางอย่างของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจไม่เกิดขึ้น เช่น ดิจิทัลวอลเลตที่เพื่อไทยจะใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่
“เมื่อเพื่อไทยไม่ได้เป็นแกนนำ โอกาสของนโยบายนี้อาจไม่เกิดขึ้น เพราะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล จึงต้องติดตามการจับขั้วรัฐบาลว่าจะมีการพลิกโผหรือไม่ เพราะอยู่ในช่วงเจรจากัน และรอผลอย่างเป็นทางการจาก กกต. ซึ่งหลังจากนี้ ตลาดอาจติดตามแกนนำเศรษฐกิจที่จะเข้ามา ซึ่งนักลงทุนอาจจะชอบทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย มากกว่าก้าวไกล”.