ไขข้อข้องใจ ลงทุนแบบ DCA กับ Market Timing ในยุคที่ตลาดผันผวน แบบไหนดีกว่า?

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ไขข้อข้องใจ ลงทุนแบบ DCA กับ Market Timing ในยุคที่ตลาดผันผวน แบบไหนดีกว่า?

Date Time: 17 พ.ค. 2566 10:31 น.

Video

ทางรอดเศรษฐกิจไทยในยุค AI ครองโลก | 1st Anniversary Thairath Money

Summary

  • การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) กับการจับจังหวะของตลาด (Market Timing) ในยุคที่ตลาดหุ้นผันผวน แบบไหนให้ผลตอบแทนจากการลงทุนดีกว่ากัน?

การซื้อแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ DCA (Dollar-cost averaging) ในสินทรัพย์ต่างๆ ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เพราะเป็นการเข้าซื้อแบบแบ่งเป็นงวด โดยไม่สนใจความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ที่เลือกลงทุน ทำให้สามารถกำจัดอารมณ์และความเสี่ยงของราคาจากความผันผวนของภาวะตลาดได้ และยังสามารถสร้างวินัยทางการเงิน เพื่อมี #การเงินดีชีวิตดี ในอนาคตได้อีกด้วย

ปัจจุบัน มีหลายบริษัทหลักทรัพย์ให้บริการหักบัญชีอัตโนมัติ เพื่อ DCA ในหุ้น ทำให้นักลงทุนมีความสะดวกในการสะสมหุ้นที่ต้นทุนถัวเฉลี่ยได้ทุกสภาวะตลาด ซึ่งการลงทุนในหุ้นมีโอกาสได้ผลตอบแทนหรือขาดทุนจากส่วนต่างราคา แต่ก็ยังมีโอกาสได้รับเงินปันผลจากหุ้นของบริษัทที่เข้าไปลงทุนด้วย อย่างไรก็ดี ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงที่จะ “ขาดทุน” นักลงทุนจะต้องศึกษาทำความเข้าใจทุกครั้งก่อนการลงทุน

ในยุคที่นักลงทุนมีโอกาสทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง ผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ โดยใช้ “Market Timing” ทำให้การสร้างความมั่งคั่งผ่านการ DCA ในสินทรัพย์ มีความน่าสนใจน้อยลงหรือไม่ วันนี้ #ThairathMoney จะพาไปหาคำตอบกัน

คุณศิริพร สุวรรณการ Senior Managing Director, Financial Advisory Head Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ปีนี้ภาพรวมของตลาดตราสารหนี้โลกและตลาดหุ้นทั่วโลก จะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ถือว่าเป็นปีที่ค่อนข้างยากสำหรับการลงทุน เนื่องจากยังมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะในตลาดหุ้นโลก เพราะฉะนั้นแนะนำนักลงทุนให้เน้นการลงทุนแบบสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยให้สามารถลดความเสี่ยงจากความผันผวนได้

ขณะเดียวกัน มองว่ากลยุทธ์การลงทุนแบบ “Stay Away” หรือการลงทุนในตลาดตลอดเวลา ดีกว่าการใช้ “Market Timing” หรือการจับจังหวะของตลาด เนื่องจากเราไม่อาจทราบได้เลยว่า ช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนนั้น ช่วงไหนเป็นช่วงที่ปรับตัวขึ้นสูงที่สุด หรือปรับตัวต่ำที่สุด

จากสถิติที่ผ่านมา พบว่าทุกครั้งที่มีการลงทุนโดยการจับจังหวะของตลาด มักมีผลตอบแทนเฉลี่ยต่ำกว่าการลงทุนแบบสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นในช่วงที่ตลาดผันผวนแบบนี้ การลงทุนแบบสม่ำเสมอจะมีความได้เปรียบมากกว่า

นอกจากนี้ มองว่าการจัดพอร์ตหรือเลือกแบ่งสัดส่วนเงินเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ มีความสำคัญมากกว่าระยะเวลาการลงทุน ซึ่งนักลงทุนจะต้องศึกษาว่าจะให้น้ำหนักกับการลงทุนในสินทรัพย์ใด ที่จะสามารถลดความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดผันผวน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ