ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 10 พ.ค.66 ปิดที่ 1,569.56 จุด เพิ่มขึ้น 4.90 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 49,967.40 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,327.87 ล้านบาท
ฝ่ายกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ประเมินหุ้นไทยเดือน พ.ค. มีปัจจัยที่หนุนคือ 1.คาดสหรัฐฯจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง 2.การเลือกตั้งของไทยซึ่งจากสถิติหุ้นไทยมักบวกก่อนการเลือกตั้ง 1 สัปดาห์ ต่อเนื่องไปจนถึงหลังจบการเลือกตั้ง 3.ผลประกอบการไตรมาส 1/66 กลุ่มที่มีสัญญาณบวกคือกลุ่มค้าปลีกและการท่องเที่ยว
กลยุทธ์ลงทุนเลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์เศรษฐกิจฟื้น ได้แก่ ค้าปลีก CPALL-BJC, กลุ่มท่องเที่ยว ERW-SPA-VRANDA กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม WHA-ROJNA หุ้นโรงไฟฟ้า GULF-BGRIM และไอซีที ADVANC
ปิดท้าย ทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ ให้ความเห็นธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ 10 อีก 0.25% มาอยู่ที่ 5-5.25% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2549 คาดว่าหลังจากนี้ Fed จะคงดอกเบี้ยในระดับนี้ไว้ หรืออาจปรับดอกเบี้ยลง ทำให้ราคาสินทรัพย์หลายประเภทมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นและเป็นโอกาสลงทุนครั้งสำคัญ โดยสินทรัพย์ที่น่าลงทุน คือ “สินทรัพย์คุณภาพสูง” ที่ “ราคาลดลงมาแรง” ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีธีมลงทุนดังนี้
1. สินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากการ “หยุดขึ้นดอกเบี้ย” และ “ภาวะดอกเบี้ยขาลง” ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ investment grade ซึ่งให้อัตราผลตอบแทน (Yield) ระดับน่าสนใจและราคามีแนวโน้มปรับขึ้นได้ดี หากดอกเบี้ยกลับมาเป็นขาลง, หุ้นเทคโนโลยี ที่ราคาหุ้นได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขึ้นช่วงที่ผ่านมา แต่มีโอกาสฟื้นตัวแรงเมื่อเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยกลุ่มที่รายได้มีแนวโน้มเติบโตสูง คือ เทรนด์ Digital Transformation เช่น กลุ่มคลาวด์คอมพิวติ้ง และ Cybersecurity
2.หุ้นกลุ่มสู้เศรษฐกิจถดถอย ได้แก่ กลุ่มเฮลธ์แคร์ ที่เติบโตสม่ำเสมอตามเมกะเทรนด์ สังคมผู้สูงอายุ และผู้ผลิตนวัตกรรมการแพทย์ โดยอยู่ในกลุ่ม “Quality growth” ที่มีความแข็งแกร่งของกำไร กระแสเงินสดดี ที่สำคัญ ผลประกอบการเติบโตได้ แม้เศรษฐกิจถดถอย
3.หุ้นประเทศที่เศรษฐกิจดี–กำไร บจ.โตสูง ราคาหุ้นไม่แพงทั้งหมดอยู่ในประเทศเอเชียที่ GDP โตสูงกว่าค่าเฉลี่ยเศรษฐกิจโลก ได้แก่ ตลาดหุ้นจีน เลือกกลุ่ม Megatrends และกลุ่มที่ได้การสนับสนุนจากแผนยุทธศาสตร์ชาติ เช่น อุปโภคบริโภคและพลังงานสะอาด รวมทั้ง ตลาดหุ้นเวียดนามที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มโตกว่า 6%!!
อินเด็กซ์ 51