บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1/66 มีรายได้รวม 222,372 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 11.2 โดยมีสาเหตุมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและบริการของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ รวมถึงธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ธุรกิจแม็คโครและโลตัสส์นั้นมีการเติบโตของรายได้จากการขายและบริการดีขึ้นเช่นกัน ตามการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การบริโภคภายในประเทศ และการท่องเที่ยว นอกจากนี้กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ขณะเดียวกันบริษัทรายงานกำไรสุทธิเท่ากับ 4,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.4 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจแม็คโคร นอกจากนี้ได้มีการบันทึก ส่วนแบ่งกำไรของกลุ่มแม็คโครตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 193 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทวางแผนปี 2566 จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งรวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขา ต่อเนื่องไปตามการขยายตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แหล่งท่องเที่ยว และทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเข้าสู่วิถี ชีวิตใหม่ (New Normal) และอำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยบริษัทวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขาในปี 2566 และมีเป้าหมายที่จะเปิดร้านสาขาในประเทศกัมพูชาให้ครบ 100 สาขา รวมถึงเปิดสาขาแรกในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในปี 2566
พร้อมทั้งประมาณการรายได้จากการขายและบริการ อัตราการเติบโตของรายได้ส่วนใหญ่มาจากอัตราการเติบโตของยอดขายจากร้านสาขาใหม่ และอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม รวมถึงยอดขายจากช่องทางอื่นๆ อาทิ 7-Delivery, All Online และ Vending Machine ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อาทิ ระดับของอัตราเงินเฟ้อ ราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ เป็นต้น
โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนในปีนี้ประมาณ 12,000 - 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800 - 4,000 ล้านบาท, การปรับปรุงร้านเดิม 2,900 - 3,500 ล้านบาท, โครงการใหม่ บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000 - 4,100 ล้านบาท, สินทรัพย์ถาวรและระบบสารสนเทศ 1,300 - 1,400 ล้านบาท