แม็คโคร เผยกำไรไตรมาสแรก 2.1 พันล้าน รับค่าไฟแพงกดดัน ทำธุรกิจค้าปลีกกำไรลด 12%

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

แม็คโคร เผยกำไรไตรมาสแรก 2.1 พันล้าน รับค่าไฟแพงกดดัน ทำธุรกิจค้าปลีกกำไรลด 12%

Date Time: 8 พ.ค. 2566 09:57 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Latest


นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 รายได้ในไตรมาสที่ 1 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 120,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,804 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายจำนวน 114,044 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

 

สาเหตุหลักจากการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่ง 7,371 ล้านบาท คิดเป็น 13.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากยอดขายภายในสาขา และการเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสินค้าที่รองรับการเติบโตจากการขายออนไลน์และการขายนอกร้านของธุรกิจแม็คโครประเทศไทย ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจแม็คโครต่างประเทศในทุกประเทศ รวมถึงธุรกิจฟูดเซอร์วิสที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการให้บริการและรายได้อื่น รวมทั้งสิ้น 2,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 680 ล้านบาท หรือ 35% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากกำไรทางบัญชีจากสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า จากการจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก การให้เช่าและการให้บริการศูนย์การค้า ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้า 3,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลหลักจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ทั้งนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นจากการให้เช่าและการให้บริการศูนย์การค้า 1,969 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 219 ล้านบาท หรือ 12.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 55.3% ซึ่งสูงขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 54.5%

 

สำหรับกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 2,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 116 ล้านบาท หรือ 5.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลหลักจากกลุ่มธุรกิจค้าส่งมีกำไรสุทธิ 1,897 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กลุ่มธุรกิจค้าปลีกมีกำไรสุทธิ 269 ล้านบาท ลดลง 12.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการกู้ยืม ค่าไฟฟ้า และการตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้ (Upfront fee) จากการชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนด 211 ล้านบาท (สุทธิจากภาษีเงินได้).


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์