MASTER จับมือพันธมิตร บุกคลินิกเสริมความงามต่างจังหวัด พร้อมปั้นรายได้โต 40%

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

MASTER จับมือพันธมิตร บุกคลินิกเสริมความงามต่างจังหวัด พร้อมปั้นรายได้โต 40%

Date Time: 28 เม.ย. 2566 17:26 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • MASTER จับมือพันธมิตร ด้วยกลยุทธ์ M&P บุกคลินิกเสริมความงามต่างจังหวัด พร้อมปั้นรายได้ปีนี้เติบโต 40% จากปีก่อน

Latest


อุตสาหกรรมความงาม เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา โดยมากลูกค้าหน้าใหม่มักมาจากการบอกต่อ จนกลายเป็น “Chain reaction income” อีกทั้งเกิดการซื้อซ้ำของลูกค้าเดิมในธุรกิจ จนทำให้มีการเติบโตได้ต่อเนื่อง “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ” หนึ่งในโรงพยาบาลที่ประกอบกิจการสถานพยาบาลด้านความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรมครบวงจรอันดับ 1 ก็ได้รับอานิสงส์นี้ด้วยเช่นกัน

นพ.ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER กล่าวว่า ในปี 2566 นี้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เดิมที่เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% จากปีก่อน จากการเติบโตแบบ organic ที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากฐานลูกค้าเดิมกลับมาทำซ้ำ และบอกต่อสู่การสร้างฐานลูกค้ารายใหม่ๆ ประกอบกับการขยายห้องผ่าตัดเพิ่มตามแผนจำนวน 10 ห้อง คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้ จะทำให้จำนวนชั่วโมงในการให้บริการได้เพิ่มขึ้น และส่งผลให้แนวโน้มของผลการดำเนินงานด้านต่างๆ ออกมาดีขึ้นด้วย

ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/66 มีแนวโน้มดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก Sentiment ต่างๆ ส่งเสริมการดำเนินงานมากขึ้น ประกอบกับ ปัจจุบันห้องผ่าตัดยังมีอัตราการใช้งานอยู่เต็มจำนวน โดยจะมีการประกาศงบผลประกอบการไตรมาส 1/66 ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมต่อไป

นอกจากการเติบโตแบบ organic แล้ว บริษัทยังหาโอกาสในการเติบโตด้วยกลยุทธ์ Merger and Partnership (M&P) ซึ่งมีหลักเกณฑ์ 3 ข้อในการพิจารณาเข้าลงทุน คือ 1.ซื้อกิจการหรือธุรกิจที่มีแพชชั่น เจ้าของเดิมยังบริหารต่อ และเติบโตไปด้วยกัน 2.เป็นกิจการหรือธุรกิจท้องถิ่น มีชื่อเสียง และความสัมพันธ์ที่ดีต่อพื้นที่นั้นๆ และ 3.มีการทำงานร่วมกัน (Synergy) ระหว่างธุรกิจกับโรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ

ทั้งนี้มองว่าโมเดลการเติบโตด้วย M&P นั้นจะต้องพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ด้านราคา และผลตอบแทนที่ได้กลับมาสู่บริษัท ซึ่งการลงทุนในกิจการต่างๆ บริษัทจะได้รับประโยชน์จากการประหยัดต้นทุนด้านเวลา จากการซื้อกิจการมาแล้วสามารถดำเนินการและรับส่วนแบ่งกำไรได้ทันที

ล่าสุดบริษัทได้เข้าลงทุนหุ้นของบริษัท มีแพลนดี จำกัด โดยซื้อหุ้นคิดเป็นสัดส่วน 40% ของทุนจดทะเบียน ดำเนินธุรกิจเสริมความงามภายใต้ชื่อ WIND Clinic ให้บริการทั้งหมด 2 สาขา ได้แก่ สาขากรุงเทพมหานคร (เลียบด่วน) และสาขาอุบลราชธานี คาดว่าจะสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรในช่วงไตรมาสที่ 4/66 โดยหลังจากปิดดีลนี้จะทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีก 4% จากที่คาดไว้ในปีนี้

นอกจากนี้บริษัทมีความพร้อมด้านเงินลงทุน สำหรับโอกาสใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต โดยยังมีวงเงินกู้ที่ขอไว้กับสถาบันการเงิน และเงินจากการระดมทุนขายหุ้นไอพีโอในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งบริษัทจะมุ่งเน้นการหาโอกาสในการขยายกิจการผ่านพันธมิตรในต่างจังหวัดผ่านการทำ M&P เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งมองหาโอกาสการเติบโตจากกลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก รวมถึงมีความสนใจที่จะเข้าลงทุนในการให้บริการเฉพาะทางด้วย เช่น เลสิก, ข้อเข่า, หัวใจ, ไต เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันค่อนข้างต่ำในตลาด

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดรายได้ที่ 420 ล้านบาท ลดลง 11.0% จากไตรมาส 4/65 แต่เพิ่มขึ้น 76.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 55.5% ส่วน SG&A คาดที่ 145 ล้านบาท ลดลง 10.1% จากค่าใช้จ่าย FA และค่าใช้จ่าย IPO ลดลง แต่เพิ่มขึ้น 113.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยังมีการทำการตลาดเชิงรุกต่อเนื่องและเป็นการเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาก

ขณะที่คาดกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1/66 ที่ 71 ล้านบาท เติบโต 28.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มชั่วโมงการทำงาน เพิ่มจำนวนแพทย์ แพทย์มีชื่อเสียงมากขึ้น และการทำการตลาดมากขึ้น แต่ลดลง 10.9% จากไตรมาสก่อนจากผลกระทบชั่วคราวของการอยู่ระหว่างก่อสร้างห้องผ่าตัดเพิ่มเติมและขนย้ายกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่ศัลยกรรมไปศูนย์ใหม่ ทำให้มีเสียงรบกวนหรือต้องพักห้องบางช่วงเวลา ทำให้แพทย์ต้องหยุดการทำงานและมีการรอคิวห้องผ่าตัดยาวนานขึ้น ทำให้ชั่วโมงการทำงานของห้องผ่าตัดลดลง

โดยคาดกำไรสุทธิใน 1/66 จะเป็นจุดต่ำที่สุดของปี และฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 2/66 หลังห้องผ่าตัดสร้างเสร็จ จะทำให้มีจำนวนรวม 17 ห้อง รวมถึงการหาแพทย์เพิ่มในกลุ่ม Skin care คาดว่าจะส่งผลให้กำไรสุทธิทำระดับสูงสุดใหม่ในระดับ 100 ล้านบาทต่อไตรมาส ได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/66 เป็นต้นไป และจะมี Upside ต่อประมาณการกำไรคือการทำ M&A เพิ่มเติมต่อเนื่องหลังจากนี้ แนะนำ Trading ที่ราคาเป้าหมาย 92.50 บาท.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ