DELTA เปิดร่วง แม้กำไรไตรมาส 1 โต 30% โบรกเกอร์สั่งขายหลังโตต่ำคาด

ราคาหุ้นของบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เช้านี้ เปิดที่ราคา 862.00 บาทต่อหุ้น ลดลง 34 บาท หรือลดลง 3.79% จากราคาปิดวันก่อน โดยเคลื่อนไหวต่ำสุดเหลือ 828.00 บาท หรือลดลงกว่า 7.58% หลังประกาศงบไตรมาส 1/66 เมื่อวานนี้ ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ยังแนะนำ “ขาย” ชี้กำไรต่ำกว่าคาด 8% พร้อมความกังวล Downside จาก Global Recession

โดย DELTA ชี้แจงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 ตามงบการเงินรวมฉบับสอบทาน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ยอดขายสินค้าและบริการในไตรมาสน้ีอยู่ที่ 32,294 ล้านบาท เพิ่มข้ึนร้อยละ 31.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการของลูกค้าที่สูงข้ึนอย่างมากของกลุ่มโซลูชันสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Solutions) กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบอัตโนมัติสำหรับภาคอุตสาหกรรม (Industrial Automation) ขณะที่กลุ่มพัดลมและระบบจัดการความร้อน (Fan & Thermal Management) มีอัตราการเติบโตในระดับปานกลาง เช่นเดียวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ Cloud Storage และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Data Center ซึ่งมียอดขายเติบโตจากปีก่อนหน้า แต่ชะลอตัวลงจากฐานสูงในไตรมาสที่แล้ว สืบเนื่องจากปัจจัยกดดันของสภาวะเศรษฐกิจโลกในปีน้ีที่ยังมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและองค์กรเพิ่มความระมัดระวังในการบริหารเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

กำไรขั้นต้นในไตรมาสน้ีมีจำนวน 6,713 ล้านบาท เพิ่มข้ึนร้อยละ 30.7 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขับเคลื่อนโดยการเติบโตของยอดขายที่เพิ่มข้ึนอย่างชัดเจน ภายใต้กลุ่มธุรกิจพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบอัตโนมัติ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวจากปีก่อนหน้า แต่ลดลงจากไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากสถานการณ์ขาดแคลนวัตถุดิบสำคัญในกลุ่มโซลูชันสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ส่งผลต่อต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการวัตถุดิบ

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (รวมการวิจัยและพัฒนา) มีจำนวน 3,236 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.5 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าขนส่งสินค้าปรับตัวลดลง แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มข้ึนร้อยละ 10.0 โดยมีสาเหตุมาจากกิจกรรมด้านการวิจัยและพัฒนาในยุโรปและอเมริกาเหนือ

กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสน้ีมีจำนวน 3,477 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรร้อยละ 10.8 ปรับเพิ่มข้ึนจาก ร้อยละ 8.9 ของงวดเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของยอดขายในกลุ่มสินค้าที่มีกำไรเพิ่มสูงข้ึน ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาสน้ี มีจำนวน 3,614 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 11.2 และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.29 บาท เติบโตร้อยละ 31.8 เมื่อเทียบกับ 0.22 บาทต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งได้มีการบันทึกรายได้เงินชดเชยค่าประกันความเสียหายจากอุทกภัยจำนวน 331 ล้านบาท ทั้งน้ีหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว จะส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสน้ีเติบโตสูงถึงร้อยละ 47.6 จากไตรมาสแรกของปีที่แล้ว

ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า DELTA มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ออกมาที่ 3.6 พันล้านบาท ลดลง 14% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าคาด 8% ด้านรายได้ยังเติบโตค่อนข้างดี หนุนจากกลุ่ม EV Power แต่ Gross Margin หดตัวแรงกว่าคาดมาก จาก Supply ที่ตึง กำไรไตรมาส 1/66 คิดเป็น 20% ของคาดการณ์ทั้งปีที่ 1.75 หมื่นล้านบาท เติบโต 14% จากปี 2565 ซึ่งหากมี Downside จาก Global Recession และ Margin ที่ต่ำกว่าคาด ยังคงราคาเป้าหมาย 560 บาท แนะนำ “ขาย”