นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทฯ ได้รับแจ้งจาก SACA หนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ว่า จะมีการปรับโครงสร้างการถือหุ้น TIDLOR เพื่อให้ผู้ถือหุ้นของ SACA ซึ่งประกอบด้วยกลุ่ม 9 Basil สามารถเข้าถือหุ้นติดล้อได้โดยตรง โดยเหตุการณ์ดังกล่าว SACA มิได้มีการขายหุ้น TIDLOR ออกไปยังภายนอกแต่อย่างใด เป็นเพียงการปรับโครงสร้างการถือหุ้นไปยังผู้ถือหุ้นของ SACA เอง และปัจจุบันยังเป็นการถือหุ้นร่วมกันของบริษัทในกลุ่ม SACA โดยมีสัดส่วน 25% เช่นเดิม
ทั้งนี้ กลุ่ม 9 Basil ถือเป็นสถาบันที่เลือกลงทุนกับธุรกิจและองค์กรชั้นนำที่มีศักยภาพสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้ในอนาคต จึงถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่หุ้น TIDLOR ได้รับความสนใจร่วมลงทุนโดยตรงจากกลุ่ม 9 Basil
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอสวิคเคอร์ส เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ TIDLOR ระยะสั้นถูกกระทบจากตั้งสำรอง ECL สูง โดยบริษัทตั้งเป้าขยายสินเชื่อต่อ 10-20% ในปี 2566 โดยมีบัตรติดล้อเป็น Key growth driver ส่วนพรีเมียมจากการขายประกันภัยตั้งเป้าโต 20-25% ด้าน NIM จะแคบลงเพราะต้นทุนการเงินสูงขึ้น
ทั้งนี้บริษัทให้สมมติฐานการตั้งสำรอง ECL ปี 2566 ไว้ที่ 3.0-3.5% ของสินเชื่อรวม ซึ่งเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญจากปี 22 ตั้งที่ 2.2% ของสินเชื่อรวม เพราะสภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ดี และมีลูกหนี้จำนวนหนึ่งที่เคยอยู่ในโครงการผ่อนปรนไม่สามารถผ่อนชำระเมื่อโครงการจบลง
สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้ คาดว่าจะลดลง เพราะรายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนขยับขึ้นไม่มาก (ส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่) ผู้บริหารคาด C/I ratio ปีนี้จะอยู่ที่ 50% กลางๆ คงคำแนะนำซื้อ TIDLOR โดยปรับลดคาดกรณ์กำไรสุทธิปี 2566 ลดลง 13% และ 2567 ลดลง 8% สะท้อนการตั้งสำรอง ECL ที่เพิ่มขึ้น ยังผลให้คาดการณ์ EPS ปีดังกล่าวจะ -11% และ +27% ตามลำดับ ให้ราคาพื้นฐานใหม่ 30.80 บาท อิงกับ P/BV ปีนี้ที่ 3.2 เท่า