ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 เม.ย.66 ปิดที่ 1,571.13 จุด ลดลง 22.92 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 48,873.95 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,052.81 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 129.50 บาท ลบ 2 บาท, CPALL ปิด 61.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, PTTEP ปิด 159.50 บาท ลบ 1 บาท, DELTA ปิด 882.00 บาท ลบ 82 บาท, BDMS ปิด 30.25 บาท ลบ 0.25 บาท
หุ้นไทยลงแรง ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนตัว ทำราคาทองคำในประเทศทำนิวไฮ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาไม่ดีท่ามกลางความกังวลราคาน้ำมันขึ้น หลังกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน OPEC+ ประกาศลดกำลังการผลิต ทำให้วิตกว่าเงินเฟ้อสูงจะยังอยู่อีกนาน กระตุ้นการขึ้นดอกเบี้ย ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย
ขณะที่ บล.ทิสโก้ มองตลาดหุ้นไทยช่วง 1-2 เดือนนี้ ยังอยู่ในโหมดการฟื้นตัวหลังปัญหาภาคธนาคารในต่างประเทศเริ่มคลี่คลาย และคาดหวังผลเชิงบวกจากการเลือกตั้งภายในประเทศ แต่ควรหาจังหวะขายทำกำไรในช่วงราคาหุ้นปรับขึ้น-ถือเงินสดเพิ่ม เพราะเป็นห่วงการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังจากความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยและแนวโน้มงบประมาณล่าช้า แนะนำหุ้นเด่น เดือน เม.ย. คือ AP, BBL, MEGA, PTTEP, PTTGC, SMT และ TLI
ด้าน บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มส่งออก หลังเห็นสัญญาณฟื้นตัวของสินค้าส่งออกบางกลุ่มแม้การส่งออกไทยเดือน ก.พ. 66 จะติดลบ 4.74% YoY โดยหลักๆถูกกดดันจากสินค้าอุตสาหกรรม (มีสัดส่วนการส่งออกมากสุดที่ 78.75% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด) หดตัวราว 6.2% YoY รวมถึงกลุ่มสินค้าแร่และเชื้อเพลิง หดตัว 10%
YoY แต่เมื่อเทียบเป็นรายเดือนมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22 พันล้านเหรียญฯ หรือ +10.50% MoM ซึ่งเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มสินค้า
สำหรับสินค้าเดือน ก.พ. ที่ขยายตัวได้ดีทั้ง YoY, MoM และมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจในบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯคือไก่สดแช่แข็ง (CPF, TFG, GFPT), น้ำตาลทรายและกากน้ำตาล (KSL, KTIS), ทูน่ากระป๋อง (TU), แผงวงจรไฟฟ้า (HANA, KCE), รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (SAT, AH, STANLY)
ขณะเดียวกัน การส่งออกเดือน ก.พ. ในสินค้าบางรายการมีทิศทาง ดีขึ้น แต่ราคาหุ้นยังฟื้นช้ากว่า ท่ามกลางเงินบาทที่ค่อนข้างทรงตัวคือ ITC, TU, CPF, GFPT, SAT, KSL, HANA, KCE, STANLY ถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจ!!
อินเด็กซ์ 51