นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนในไตรมาส 2-4 ของปี 66 ว่า นักวิเคราะห์คาดว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,508-1,721 จุด และคาดการณ์ว่าสิ้นปี 66 จะปิดตลาดที่ระดับ 1,707 จุด ส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 66 ของตลาด เฉลี่ยอยู่ที่ 95.77 บาท และคาดการณ์ EPS Growth ของปี 66 อยู่ที่ 13.02%
โดยนักวิเคราะห์แนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุน โดยแบ่งเป็นเงินสดและเงินฝากระยะสั้น 18.63%, กองทุนตราสารหนี้ 14.06%, หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 27.39%, หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 22.92%, กองทุนอสังหาฯ หรือ REIT 7.31%, ทองคำหรือกองทุนทองคำ 8.63% และอื่นๆ เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน น้ำมัน 1.06% โดยการลงทุนหุ้นต่างประเทศและกองทุนหุ้นต่างประเทศ แนะนำลงทุนกองทุนหุ้นจีนและเอเชีย ส่วนการลงทุนหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจ ค้าปลีก การท่องเที่ยว เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจ Finance (non-bank) ปิโตรเคมี พลังงานและสาธารณูปโภค ส่วนหุ้นรายตัวที่แนะนำตรงกันตั้งแต่ 5 สำนักขึ้นไป ได้แก่ ADVANC, AMATA, AOT, BBL และ CPALL สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 66 ยังได้ผลบวกจาก 3 ปัจจัยหลัก นำโดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และปัจจัยด้านการเมืองในประเทศ ตามมาด้วยผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปี 66 ส่วนปัจจัยด้านลบ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่โหวตให้ผลกระทบจากธนาคารในสหรัฐอเมริกามีปัญหา ตามด้วยเศรษฐกิจต่างประเทศที่ชะลอตัว และการลดหรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศสำคัญ.