เริ่มแล้ว!! ภาษีน้ำตาล จับตาหุ้นเครื่องดื่ม โบรกฯ มองกระทบกำไรเล็กน้อย

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เริ่มแล้ว!! ภาษีน้ำตาล จับตาหุ้นเครื่องดื่ม โบรกฯ มองกระทบกำไรเล็กน้อย

Date Time: 31 มี.ค. 2566 14:02 น.

Video

ทางรอดเศรษฐกิจไทยในยุค AI ครองโลก | 1st Anniversary Thairath Money

Latest


เริ่มแล้ว!! สรรพสามิตปรับขึ้นอัตราภาษีความหวาน ระยะที่ 3 ในวันที่ 1 เมษายน 2566 ตามปริมาณน้ำตาลในอัตราที่กฎหมายกำหนดและมีการจัดเก็บภาษีเแบบขั้นบันได โดยปริมาณน้ำตาล 6-8 กรัม คิดอัตราภาษี 0.3 บาทต่อลิตร ปริมาณน้ำตาล 8-10 กรัม คิดอัตราภาษี 1 บาทต่อลิตร ปริมาณน้ำตาล 10-14 กรัม คิดอัตราภาษี 3 บาทต่อลิตร ปริมาณน้ำตาล 14-18 กรัม คิดอัตราภาษี 5 บาทต่อลิตร ปริมาณน้ำตาล ตั้งแต่ 18 กรัม คิดอัตราภาษี 5 บาทต่อลิตร นักลงทุนต่างเฝ้าจับตามองผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อกำไรสุทธิของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จากต้นทุนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือไม่

จากการรวบรวมข้อมูลของ #ThairathMoney พบว่ามีหุ้นในกลุ่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลที่อาจได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราภาษีในครั้งนี้ ได้แก่ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG, บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP, บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI, บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI, บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE, บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPCO, บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC, บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC, บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC, บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE และบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราภาษีความหวานอาจมีจังหวะกระทบได้บ้างต่อกำไรขั้นต้นของบริษัทที่ทำเครื่องดื่ม แต่มองว่าไม่ได้กระทบมาก จากในช่วงก่อนหน้านี้บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มต่างพากันปรับลดระดับน้ำตาลลง ซึ่งส่งกระทบต่อรสชาติ ทำให้ต่อมามีการทยอยเพิ่มสัดส่วนน้ำตาล แต่อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามว่าจะมีการปรับขึ้นล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 เมษายน หรือไม่

ขณะเดียวกัน บริษัทที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดในกลุ่ม คือ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) จากมีสัดส่วนน้ำตาลในเครื่องดื่มราว 6-8 กรัม ซึ่งจะทำให้เสียภาษีเพิ่มเติมจากเดิม 0.1 บาทต่อ 100 มิลลิลิตร เป็น 0.3 บาทต่อ 100 มิลลิลิตร แต่คาดจะกระทบกำไรขั้นต้นเพียง 0.3% เท่านั้น

นอกจากนี้มองว่า บมจ.โอสถสภา (OSP) คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นในครั้งนี้ เนื่องจากสินค้าหลักอย่าง M-150 และ C-Vitt มีน้ำตาลต่ำกว่าระดับการเก็บภาษีความหวาน ส่วน SAPPE มียอดขายในประเทศเพียง 20% และสินค้าหลักเป็นกลุ่มวิตตามินและสุขภาพซึ่งไม่เน้นความหวาน และมีระดับน้ำตาลต่ำ และไม่เข้าเกณฑ์การเก็บภาษี

ด้านบล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นลบเล็กน้อย มองว่าโอกาสที่รัฐจะเลื่อนการเก็บภาษีน้ำตาลอัตราใหม่มีโอกาสน้อยมาก ทั้งนี้การปรับภาษีน้ำตาล โดยอัตราภาษีน้ำตาลใหม่ปรับขึ้นจากเดิมถึง 3 เท่า เริ่มใช้ 1 เม.ย. 2566 ถึง 31 มี.ค. 2568 โดยมองว่ากลุ่มหลักที่จะได้รับผลกระทบคือกลุ่มน้ำอัดลมที่มีระดับน้ำตาลสูง

อย่างไรก็ตาม คุณวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ได้เสนอขอเลื่อนขยายเวลาปรับขึ้นภาษีความหวาน เนื่องจากเกิดภัยแล้ง และวัตถุดิบปรับขึ้นราคา คาดส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหาร

ทั้งนี้มองว่า CBG ที่มีสินค้าหลักคือคาราบาวแดง แบบขวด เสียภาษีในอัตรา 6-8 กรัม/100 ml ภาษีน้ำตาลปรับเพิ่มเป็น 0.3 บาท จาก 0.1 บาท โดยมองว่ากระทบจำกัดเพียง 1% ของกำไรสุทธิปี 2566 ดังนั้น ยังคงประมาณกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 2,850 ล้านบาท

สำหรับ OSP ที่ดำเนินธุรกิจหลักคือจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง หรือ M-150 แบบขวด ในประเทศมีอัตราน้ำตาลอยู่ที่ 0-6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร จึงไม่ต้องเสียภาษีน้ำตาล คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 2,289 ล้านบาท หรือเติบโต 18% จากปีก่อน ขณะที่ SAPPE มองว่ามีผลกระทบจำกัด เนื่องจากสินค้าเครื่องดื่มส่วนใหญ่เป็นส่งออก ส่วน ICHI ได้มีการปรับสูตรน้ำตาลตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/65 จนอยู่ในระดับที่ไม่ต้องเสียภาษีน้ำตาล

และคาดว่า SNNP จะไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีน้ำตาล เนื่องจากสินค้าหลักคือเจเล่ซึ่งมีน้ำตาลต่ำมาก ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีน้ำตาลอัตราใหม่ ดังนั้น คงประมาณการกำไรปกติที่ 722 ล้านบาท และคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Food & Beverage เป็นเท่ากับตลาด โดยเลือก SNNP เป็น Top Pick ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ