กองทุนรัฐบาลสิงคโปร์เข้าถือหุ้น เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เกิน 5% คาดกำไรโตแรงจากหนังใหญ่เข้าฉายเพียบ

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

กองทุนรัฐบาลสิงคโปร์เข้าถือหุ้น เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เกิน 5% คาดกำไรโตแรงจากหนังใหญ่เข้าฉายเพียบ

Date Time: 22 มี.ค. 2566 10:27 น.

Video

ล้วงลึกอาณาจักร “PCE” สู่บริษัทมหาชน ปาล์มครบวงจร | On The Rise

Latest


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รายงานการได้มาของหุ้นของ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (listed) โดย GIC PRIVATE LIMITED ซึ่งเป็นการได้มา เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา คิดเป็น 0.0094% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ


จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 5.0028% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาของกลุ่ม คิดเป็น 0.0094% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาของกลุ่ม คิดเป็น 5.0028% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ทั้งนี้ กองทุน GIC PRIVATE LIMITED นั้นคือ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของรัฐบาลสิงคโปร์


บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่า แนวโน้มธุรกิจของ MAJOR ธุรกิจจะฟื้นตัวมากขึ้นในปีนี้ หลังจากกลับมาทำธุรกิจได้เป็นปกติ ทั้งจำนวนหนังที่เข้าฉายใกล้เคียงก่อนโควิด แล้วหนังใหญ่มากกว่าที่ปี 2565 และกลับมาเพิ่มโรงภาพยนตร์ 45-50 โรง จากที่ชะลอในช่วงโควิด ซึ่งจะส่งผลดีไปยังธุรกิจอาหาร/เครื่องดื่ม โฆษณา และป๊อปคอร์น จะขยายการขายนอกโรงภาพยนตร์มากขึ้น และเปิดตัวใหม่ในการขายเข้าร้านสะดวกซื้อ จะเห็นการเติบโตดีในธุรกิจนี้

โดยบริษัทประเมินว่า ปี 2566 ธุรกิจโรงภาพยนตร์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ธุรกิจโรงภาพยนตร์กลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังการระบาดโควิด 3 ปี โดยหนังใหญ่ปี 2566 จาก 5 ค่ายใหญ่ของฮอลลีวูด (Warner Bros, Walt Disney, Paramount Pictures, Sony Pictures, Universal) จะเข้าฉาย 74 เรื่อง ใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนโควิดที่ 76 เรื่อง และมากกว่าปีก่อนที่ 59 เรื่อง ซึ่งหลายเรื่องที่ฉายสามารถทำเงินในปี 2565 ได้ใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด โดยหนังใหญ่ๆ จะทยอยเข้าตั้งแต่ มี.ค. เป็นต้นไป และมากสุดในช่วงไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 มีถึง 12 เรื่อง


นอกจากนี้ จะมีหนัง Segment ใหม่ๆ เช่น แอนิเมชัน/การ์ตูน ที่มีกลุ่มคนดูเฉพาะ ซึ่งในปี 2565 การ์ตูนเรื่อง One Piece มีรายได้ถึง 121 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะมีหนังแอนิเมชันจากญี่ปุ่นไม่น้อยกว่า 20 เรื่อง และหนังไทยที่มีปีละ 30-40 เรื่อง ซึ่งในปี 2565 บุพเพสันนิวาส 2 ทำรายได้ถึง 393 ล้านบาท สร้างความมั่นใจกับผู้ผลิตหนังไทยมากขึ้น ซึ่งในปีนี้มี ขุนพันธ์ 3 ที่เข้าฉาย 1 มี.ค. แสงกระสือ 2 และ 4 King 2 ที่น่าจะทำรายได้ดีเหมือนภาคก่อนหน้า กลุ่มทีวีดิจิทัลก็หันมาร่วมทุนทำหนังมากขึ้น ทั้ง BEC, WORK, ช่อง 7 เพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ และขายสิทธิ์ไปยังผู้ให้บริการสตรีมมิง


อีกทั้งผู้ให้บริการสตรีมมิงก็จะมีการผลิตหนังเข้าฉายในโรงหนัง ก่อนเอามาลงสตรีมมิง เพราะทำรายได้ดีกว่าหนังที่ไม่ผ่านโรง ซึ่งจากหนังใหญ่ที่เข้าฉายมากในปีนี้ จะส่งผลดีไปถึงรายได้จากอาหาร/เครื่องดื่ม และธุรกิจโฆษณา/อีเวนต์ ที่ปรับกลยุทธ์ในการขาย โดยเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าผ่านการทำแคมเปญอีเวนต์ต่างๆ และจะมีรายได้จาก Naming Sponsor มากขึ้น ส่วนแผนการเปิดโรงภาพยนตร์ใหม่ในปีนี้ อยู่ที่ 45-50 โรง ใช้เงินลงทุน 600 ล้านบาท โดยมีสาขาใหญ่ เช่น Charn at The Avenue แจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัล เวสต์วิลล์, โรบินสัน ฉลอง, บิ๊กซี บางบอน

ส่วนธุรกิจอื่นๆ มีแนวโน้มดีเช่นกัน ธุรกิจโบว์ลิ่ง/คาราโอเกะ/ไอซ์สเก็ต ซึ่งไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ที่ผ่านมา รายได้กลับเท่ากับก่อนโควิดแล้ว ทั้งปี 2566 คาดรายได้น่าจะดีกว่าปี 2562, ธุรกิจเช่าพื้นที่ รายได้อาจยังทรงตัวแต่ต้นทุนจะดีขึ้น เนื่องจากหมดสัญญาเช่าพื้นที่กับบิ๊กซี ราชดำริ และคืนพื้นที่ไปเมื่อสิ้นปี 2565 ทำให้ค่าเช่าปีนี้ลดลง และกลับมามีกำไรได้จากปีก่อนขาดทุน และธุรกิจอาหาร/เครื่องดื่มจะเป็นธุรกิจที่โตดีสุด และมีรายได้มากกว่าก่อนโควิด
นอกจากยอดขายในโรงภาพยนตร์ที่จะดีตามหนังที่เข้าฉาย จะมีการเพิ่มชนิดสินค้าปรับราคาขาย การทำโปรโมชั่น และเพิ่มตัวคาแรกเตอร์


ส่วนการขายนอกโรงภาพยนตร์ (Out Cinema) ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา จากที่เริ่มทำในปี 2563 ที่มีรายได้เพียง 22 ล้านบาท เป็น 511 ล้านบาทในปี 2565 ในปี 2566 มีแผนจะเพิ่มคีออส (Kiosk) จาก 20 แห่ง เป็นอย่างน้อย 50 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่บริการและรองรับการจัดส่ง Delivery ซึ่งรายได้จากคีออสและ Delivery คิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่ 75% ของยอดขายนอกโรงภาพยนตร์ รวมถึงเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์มากขึ้น

นอกจากนี้ จะมีการเปิดตัว Popcorn อีกครั้งในเดือน พ.ค. ซึ่งจับมือกับ TKN เพื่อขายในร้านสะดวกซื้อ ในราคาขาย-ต้นทุนใหม่ที่แข่งขันกับขนมขบเคี้ยวอื่นๆ และการเพิ่มรสชาติ รายได้จะดีขึ้น และ TKN จะเป็นผู้กระจายสินค้าให้ ซึ่งมองโอกาสในตลาดต่างประเทศด้วย ส่วนการขาย MPIC ทาง MAJOR ไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก เพราะอยู่ในขั้นตอนการเสนอขาย บริษัทได้มีการตั้งด้อยค่าเงินลงทุนใน MPIC ไปบ้างแล้ว อาจไม่มีผลต่อกำไร/ขาดทุน แต่จะได้เงินสดจากการขายกลับมา 650 ล้านบาท.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์