เทขายหุ้นแบงก์กดดัชนีดิ่งหนัก หวั่นปัญหาเครดิต สวิสกระทบพื้นฐาน

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

เทขายหุ้นแบงก์กดดัชนีดิ่งหนัก หวั่นปัญหาเครดิต สวิสกระทบพื้นฐาน

Date Time: 20 มี.ค. 2566 17:11 น.

Video

เศรษฐกิจไทย เสี่ยงวิกฤติหนักแค่ไหน เมื่อต้องเปลี่ยนนายกฯ | Money Issue

Summary

  • วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) ปิดที่ 1,555.45 จุด ปรับตัวลดลง 8.22 จุด หรือ (-0.53%) จากเมื่อวาน โดยระหว่างวัน ดัชนีเคลื่อนไหวลงไปต่ำสุดที่ 1,543.47 จุด หรือลดลง 20.20 จุด

Latest


วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) ปิดที่ 1,555.45 จุด ปรับตัวลดลง 8.22 จุด หรือ (-0.53%) จากเมื่อวาน โดยระหว่างวัน ดัชนีเคลื่อนไหวลงไปต่ำสุดที่ 1,543.47 จุด หรือลดลง 20.20 จุด ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนในตลาดตราสารหนี้ หลังธนาคาร UBS ประกาศซื้อธนาคารเครดิตสวิสสำเร็จ ทำให้กดดันหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน นักวิเคราะห์แนะนำติดตามผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คาดสามารถสร้างเสถียรภาพได้ พร้อมแนะหุ้น “Domestic Play” ช่วงตลาดผันผวน

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า วันนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมา จากความกังวลเรื่องปัญหาสถาบันการเงินต่างประเทศ หลังธนาคาร UBS เข้าซื้อกิจการธนาคารเครดิต สวิส (Credit Suisse) ทำให้เกิดการรับรู้หุ้นกู้ออกไปเป็นหนี้สูญ (write-off) และไม่สามารถชำระคืน และเกิดความผันผวนต่อตลาดตราสารหนี้ ส่งผลต่อหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินในไทย ที่มีความกดดันจากปัจจัยดังกล่าวเข้ามา อย่างไรก็ดีมองว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงการปรับสมดุลระยะสั้นหลังจากควบรวมสำเร็จ

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังต้องติดตามผลการประชุมจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะเกิดขึ้นในวันพุธที่ 22 มีนาคมนี้ โดยคาดหวังว่า นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา จะสามารถสร้างเสถียรภาพต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ จากการสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มสถาบันการเงิน รวมถึงไม่เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้แรงกดดันของตลาดลดลง

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ มองว่าหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการบริโภคในประเทศ (Domestic Play) สามารถปรับตัวได้ดีกว่าตลาด โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก, กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งปัจจัยพื้นฐานได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกไม่มากนัก ประกอบกับเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวภายในประเทศ อีกทั้งได้แรงหนุนจากการประกาศยุบสภา และการเลือกตั้งของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ยังคาดว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะมีการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1/66 ออกมาดี และ Outperform เมื่อเทียบกับตลาด โดยแนะนำให้ลงทุนในหุ้นของ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC), บมจ.ซีพี ออลล์ CPALL, บมจ.โอสถสภา (OSP), บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC), บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC).


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์