ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 16 มี.ค.66 ปิดที่ 1,554.65 จุด ลบ 10.35 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 69,665.73 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,809.63 ล้านบาท
หุ้นไทยปรับลงจาก Sentiment เชิงลบจากหุ้นโลก กังวลสถานะการเงินของธนาคารเครดิต สวิสฉุดหุ้นแบงก์ทั่วโลกร่วงหนัก ขณะที่สินทรัพย์เสี่ยงและราคาน้ำมันกลับมาถูกขายระลอกใหม่ภายใต้สถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูง
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ตลาดหุ้นเกิดการ Panic Sell ออกมาอีกระลอก โดยเฉพาะในฝั่งยุโรปที่ร่วงลงแรงกว่า - 3.3% ถึง - 3.8% ส่วนฝั่งสหรัฐฯค่อนข้างผันผวนทำให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น สะท้อนจาก Dollar Index ดีดตัวแข็งค่าแรงกว่า 1.1% ประกอบกับ Bond Yield สหรัฐฯ 2 ปี และ 10 ปี ร่วงลงมาแรง และยังเห็นสัญญาณการเกิดเศรษฐกิจ Recession ต่อเนื่อง จากตัวเลข Inverted Yield Curve ระหว่าง Bond Yield 10-2 ปี ที่ยังคงติดลบ 0.43%
ทั้งนี้ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นคาดว่าจะเป็น Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้เช่นกันสรุป ผลลัพธ์ของการดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุกของธนาคารกลางทั่วโลกในปีที่ผ่านมา ทำให้ภาคธนาคารกำลังประสบปัญหาทั้งต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วกระทบคุณภาพสินเชื่อลดลง ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์ทางการเงินที่ลดลง ทุน ด้อยค่าตามมา ด้วยการเกิดเป็นความเสี่ยงด้านสภาพคล่องทำให้ยกระดับความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยกดดันให้ตลาดการเงินผันผวนต่อเนื่อง ขณะที่ปี 66 เริ่มเห็นปลายทางของการปรับขึ้นดอกเบี้ยในหลายประเทศมากขึ้น
ขณะที่ความกังวลวิกฤติธนาคารขนาดใหญ่ อย่าง Credit Suisse ขาดสภาพคล่อง กดดันตลาดหุ้นโลกปรับฐานแรง ขณะเดียวกันยังมีบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจในไทย หนึ่งในนั้นคือ บล.เครดิต สวิส (ประเทศไทย) หากดูข้อมูลซื้อขายหุ้นไทยปีนี้ (1 ม.ค.-15 มี.ค.66) มีมูลค่ารวม 7.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.2% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด มีอันดับมูลค่าซื้อขายรวมสูงเป็นอันดับที่ 23 ใน 38 โบรกเกอร์ ขณะที่ปีนี้ขายสุทธิมาแล้ว 5.5 พันล้านบาท ซึ่งขายสูงสุดเป็นอันดับที่ 7 ใน 38 โบรกเกอร์
ดังนั้น ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสได้รับแรงกระแทกจากวิกฤตินี้มากพอสมควร เนื่องจากสัดส่วน Market Cap ของ 2 อุตสาหกรรมมีมากถึง 30%
กลยุทธ์ลงทุนแนะ ถือเงินสดบางส่วน 10-20% และเลือกหุ้นที่พื้นฐานแข็งแกร่ง Domestic Play อย่าง CRC-GPSC-AMATA เป็นหุ้น Top picks!!
อินเด็กซ์51