ส่อง 7 หุ้นน้องใหม่ไซส์มินิ ให้ผลตอบแทนเท่าไร P/E ถูก หรือ แพง !?

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ส่อง 7 หุ้นน้องใหม่ไซส์มินิ ให้ผลตอบแทนเท่าไร P/E ถูก หรือ แพง !?

Date Time: 9 มี.ค. 2566 16:01 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Summary

  • ส่อง 7 หุ้นน้องใหม่ในตลาดหุ้นเอ็มเอไอในไตรมาสแรกปีนี้ ให้ผลตอบแทนเท่าไร P/E ถูก หรือ แพง !?

Latest


ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) เป็นตลาดรองอีกแห่งหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเป็นแหล่งระดมทุนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ในปี 2566 เป็นต้นมานี้ พบว่านักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะในหุ้นไอพีโอ ที่มักจะสร้างสีสันให้กับตลาดด้วยโอกาสที่ราคาเทรดวันแรกอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 200% ทำให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันโดยจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขายรวมในตลาด mai ที่เพิ่มขึ้นขณะเดียวกันพบว่าปัจจุบันมีหุ้น ไอพีโอ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาเสนอขายหลักทรัพย์สูงสุดถึง 105.19% และลดลงจากราคาเสนอขายหลักทรัพย์สูงสุดถึง 23.64%


ทั้งนี้จากการเก็บข้อมูลพบว่าพบว่ามีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด mai จำนวน 7 บริษัท มูลค่าหลักทรัพย์รวมกว่า 26,378 ล้านบาท ระดมทุนไปแล้วกว่า 4,493 ล้านบาท บริษัทที่เข้าจดทะเบียนไปแล้วตั้งแต่ต้นปี เริ่มต้นด้วยบริษัทแรกที่จดทะเบียนในตลาด mai ปีนี้ คือ บริษัท เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ SAF ในหุ้นกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ดำเนินธุรกิจจำหน่ายและแปรรูปเหล็กกล้าเกรดพิเศษเพื่องานอุตสาหกรรมต่างๆ และเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องในส่วนการเลื่อยเหล็กกล้า โดยเข้าจดทะเบียนวันที่ 19 ม.ค. 66 ด้วยราคาเสนอขาย 1.93 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันปรับตัวมาที่ 1.83 บาทต่อหุ้น หรือลดลง 5.18% คิดเป็น P/E ที่ระดับ 55.20 เท่า


บริษัทต่อมาที่เข้าจดทะเบียน คือ บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER เป็นหุ้นกลุ่มบริการ ที่ประกอบกิจการสถานพยาบาลด้านความงามที่ให้บริการศัลยกรรมครบวงจร หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ ทำการซื้อขายวันแรกวันที่ 25 ม.ค. 66 ด้วยราคาเสนอขาย 46.00 บาทต่อหุ้น ณ ปัจจุบันราคาปิดที่ 86.50 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 88.04% คิดเป็น P/E ที่ระดับ 63.60 เท่า
ในช่วงต้นเดือน ก.พ. 66 บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR ก็ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพื่อจำหน่าย ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ และอาคารพาณิชย์ ทำการซื้อขายวันแรกวันที่ 8 ก.พ. 66 ด้วยราคาเสนอขาย 2.20 บาทต่อหุ้น และมีราคาปัจจุบันที่ 1.68 บาทต่อหุ้น หรือลดลง 23.64% คิดเป็น P/E ที่ระดับ 15.24 เท่า


ตามมาติดๆ กับ บริษัท นิวทรีชั่น เอสซี จำกัด (มหาชน) หรือ NTSC ก็ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ดำเนินธุรกิจนำเข้า ผลิต และจัดจำหน่าย วัตถุดิบ สารปรุงแต่ง และวัตถุเจือปนในอาหารคนและอาหารสัตว์ ทำการซื้อขายวันแรกวันที่ 9 ก.พ. 66 ด้วยราคาเสนอขาย 26.25 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันราคาปรับตัวขึ้นไปแตะ 32.00 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 21.90%


ถัดมาในช่วงของวันแห่งความรัก บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MEB ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในหุ้นกลุ่มบริการ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) หนังสือเสียง (Audio Book) อุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Reader) และการบริการที่เกี่ยวข้อง ทำการซื้อขายวันแรกวันที่ 14 ก.พ. 66 ด้วยราคาเสนอขาย 28.50 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ 38.75 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 35.96% คิดเป็น P/E ที่ระดับ 34.95 เท่า


บริษัทต่อมาคือ บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตัวแรกของปีนี้ โดยกลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจ 4 ธุรกิจ ได้แก่ 1) ธุรกิจให้บริการระบบแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน สำหรับบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์ ("ระบบ EMCS") 2) ธุรกิจให้บริการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ ด้านการรักษาพยาบาลและสินไหมทดแทน รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำที่เกี่ยวข้อง ผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน ("บริการ TPA") 3) ธุรกิจการให้คำปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย และ 4) ธุรกิจการให้บริการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งทำการซื้อขายวันแรกวันที่ 17 ก.พ. 66 ด้วยราคาเสนอขาย 3.85 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันมีราคาเพิ่มขึ้นไปถึง 7.90 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นราว 105.19% คิดเป็น P/E ที่ระดับ 62.87 เท่า


และบริษัทสุดท้ายที่เข้าจดทะเบียน คือ บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จำกัด (มหาชน) หรือ READY หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่ดำเนินธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มการขายและการตลาดดิจิทัลแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว ด้านเว็บไซต์ โฆษณาออนไลน์ ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า และระบบจองโรงแรมโดยตรง โดยให้บริการผ่านแพลตฟอร์มที่บริษัทเป็นผู้พัฒนาขึ้นเอง โดยเข้าจดทะเบียนวันที่ 22 ก.พ. 66 ด้วยราคาเสนอขาย 7.30 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันปรับตัวขึ้นไปถึง 13.10 บาทต่อหุ้น ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปกว่า 79.45% คิดเป็น P/E ที่ระดับ 60.97 เท่า


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์