TCAP เผยกำไรปี 65 แตะ 6,428 ล้าน ได้อานิสงส์บริษัทร่วม-บริษัทย่อยหนุน

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

TCAP เผยกำไรปี 65 แตะ 6,428 ล้าน ได้อานิสงส์บริษัทร่วม-บริษัทย่อยหนุน

Date Time: 22 ก.พ. 2566 13:00 น.

Video

เศรษฐกิจไทย เสี่ยงวิกฤติหนักแค่ไหน เมื่อต้องเปลี่ยนนายกฯ | Money Issue

Summary

  • ทุนธนชาต เผยกำไรปี 65 แตะ 6,428 ล้าน ได้อานิสงส์บริษัทร่วม-บริษัทย่อยหนุน รวมถึงการขยายสินเชื่อผ่านธนชาตพลัส

Latest


ทุนธนชาต เผยกำไรปี 65 แตะ 6,428 ล้าน ได้อานิสงส์บริษัทร่วม-บริษัทย่อยหนุน รวมถึงการขยายสินเชื่อผ่านธนชาตพลัส

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 66 นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP กล่าวว่า ในปี 2565 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 6,428 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 5,220 ล้านบาท ลดลง 1.2% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวลดลง เนื่องจากในปี 2564 บริษัทฯ รับรู้รายได้ที่เป็นรายการพิเศษจากการโอนกลับสำรอง NPA

ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษจากการโอนกลับสำรอง NPA ดังกล่าว บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13.7% ซึ่งเกิดจากผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่สำคัญเติบโตขึ้นและสามารถทำผลงานได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง ประกอบกับการที่บริษัทฯ ลงทุนเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม

รวมไปถึงการขยายสินทรัพย์ผ่านการให้เงินกู้ยืมแก่ธนชาตพลัสในการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกัน ซึ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัทเหล่านี้จะสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การลงทุนเพิ่มขึ้นและการขยายสินทรัพย์ดังกล่าว บริษัทฯ ยังไม่ได้รับประโยชน์เต็มปีในปี 2565 ที่ผ่านมา กล่าวคือ บริษัทฯ เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธนาคารทหารไทยธนชาต จาก 23.32% เป็น 24.87% และราชธานีลิสซิ่ง จาก 60.16% เป็น 60.61% ในช่วงระหว่างปี 2565 และซื้อหุ้นของธนชาตประกันภัยและหลักทรัพย์ธนชาต เพิ่มเติมในไตรมาส 4/65 ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัทเพิ่มขึ้นจาก 50.96% เป็น 89.96%

รวมถึงขยายสินทรัพย์ผ่านการให้เงินกู้ยืมแก่ ธนชาตพลัส ส่งผลให้สินเชื่อเติบโตจาก 2,000 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท ซึ่งรวมเป็นเงินลงทุนและเงินให้สินเชื่อเพิ่มเติมจำนวน 8,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% จากพอร์ตเงินลงทุนและเงินให้สินเชื่อปี 2564 ของบริษัทฯ แต่เม็ดเงินที่ใส่เพิ่มเข้าไปนั้นจะได้รับผลตอบแทนเต็มปีในปี 2566 นี้

โดยการเติบโตในปี 2566 จะมาจาก 2 ส่วนด้วยกันคือ จากการเติบโตของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นหลังจากผ่านพ้นวิกฤติโควิด และจากเงินลงทุนที่ใช้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม รวมทั้งเงินให้กู้ยืมเพิ่มเติมแก่ธนชาตพลัส สิ่งที่ฝ่ายจัดการได้ดำเนินการมาทั้งหมดก็เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จของกลุ่มธนชาต เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นต่อไปในอนาคต


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์