น.ส.สมฤทัย ตัณฑกิตติ หัวหน้าแผนกงานนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า AIS อยู่ระหว่างการศึกษาแผนการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากเป็นเทรนด์ระดับโลกที่อยู่ในความสนใจของบริษัท Singtel ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัททั้งนี้ บริษัทกำลังพิจารณาถึงความต้องการในการใช้เงินลงทุนรวมถึงวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะดำเนินการจัดตั้งหรือไม่ ส่วนด้านความคืบหน้าในการเข้าซื้อกิจการ ของบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB คาดจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 2 ปีนี้
สำหรับภาพของธุรกิจในปี 2566 โดยในปีนี้เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าพร้อมตั้งเป้าหมายการในการเป็นผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Cognitive Tech-co) โดยมี 3 แกนที่จะผลักดันให้ธุรกิจทั้งหมดเติบโต ได้แก่ โครงข่ายอัจฉริยะ ระบบสื่อสารสนเทศอัจฉริยะ และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จากการให้บริการหลัก ตั้งเป้าเติบโต 3-5% จากธุรกิจหลักทั้ง 3 ด้าน ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพ 5G และสร้างความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์หลากหลายอุตสาหกรรม วิเคราะห์ข้อมูลการให้บริการเชิงลึกที่จะช่วยให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงและพุ่งเป้าไปยังตลาดที่สร้างผลตอบแทนสูงได้มากขึ้น
ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มุ่งเน้นการขยายโครงข่ายการให้บริการไปยังพื้นที่ใหม่ๆ เพื่อสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ธุรกิจการให้บริการลูกค้าองค์กร มุ่งเน้นการสร้างแพลตฟอร์มหลายระดับเพื่อรองรับการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่ใกล้ชิดมากขึ้น
ส่วนรายได้จากให้บริการ ตั้งเป้าเติบโตในระดับอัตราเลขตัวเดียวระดับกลาง (Mid-single digit growth) จากการทรานส์ฟอร์มให้องค์กรพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมอัจฉริยะ โดยใช้เทคโนโลยีมาประกอบการให้บริการ ทั้งนี้บริษัทตั้งงบลงทุนเพื่อพัฒนาดิจิทัล มูลค่า 2.7-3.0 หมื่นล้านบาท สำหรับการลงทุนเพื่อยกระดับด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นของลูกค้า มุ่งเน้นในจุดที่มีการใช้งานสูงและในจุดที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทได้ยื่นขอมติต่อผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 1 แสนล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินในระยะยาวและเพิ่มโอกาสการใช้งานในอนาคต
นายนภสินธุ์ สานติวัต เจ้าหน้าที่อาวุโส นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ระบุ ไตรมาส 4/65 รายได้เติบโตอยู่ในระดับน่าพึงพอใจ จากการจัดการต้นทุนและการปรับกลยุทธ์ด้านราคาอย่างเหมาะสม อีกทั้งผู้บริโภคมีการใช้จ่ายมากขึ้นหลังจากการชะลอตัวของภาวะเงินเฟ้อ โดยปัจจัยขับเคลื่อนรายได้หลักมาจากการเติบโตของธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและธุรกิจการให้บริการลูกค้าองค์กร สำหรับรายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงเติบโตดีท่ามกลางการแข่งขัน
AIS เน้นย้ำการพัฒนาด้านคุณภาพโครงข่ายสัญญาณ 5G ที่มีการพัฒนาเครือข่ายครอบคลุมกว่า 85% ของพื้นที่ประชากรทั่วประเทศและมากกว่า 99.95% ในพื้นที่กรุงเทพฯ การพัฒนาด้านความจุผ่านการใช้คลื่นความถี่ 2,600 เมกะเฮิร์ซ เพื่อรองรับการใช้ที่มากขึ้น อีกทั้งพัฒนาการใช้งาน เช่น อุปกรณ์ที่รองรับสัญญาณ การนำเข้ามือถือ 5G ที่มีราคาจับต้องได้มากขึ้น รวมถึงการพัฒนาด้านคอนเทนต์เสมือนจริง โดยภาพรวมปี 2565 มียอดผู้ใช้งาน 5G เติบโตก้าวกระโดดอยู่ที่ 6.8 ล้านราย จาก 2.2 ล้านรายในปีก่อน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ประเมินว่า กำไรสุทธิของ ADVANC แข็งแกร่งเกินคาดที่ 7.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 22% เพราะมีกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว 715 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 469 ล้านบาท และกำไรจากการกลับรายการค่าใช้จ่ายค้างจ่าย (โครงการ IT) 246 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว กำไรจากธุรกิจหลักจะอยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 1% ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของเรา
“ทั้งนี้ เรารอดูอยู่ว่า ARPU จะดีขึ้นไหม เพราะ ADVANC ประกาศเอาไว้เมื่อต้นงวดไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ว่าบริษัทจะไม่แข่งตัดราคา ซึ่งปรากฏว่าเราประทับใจกับ ARPU ของธุรกิจมือถือที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5% เป็น 213 บาท/เดือน/เลขหมาย ทั้งนี้ กำไรจากธุรกิจหลักเต็มปี 2022 อยู่ที่ 2.59 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ADVANC ยังประกาศจ่ายเงินปันผล 4.24 บาทต่อหุ้น (กำหนดขึ้น XD วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2023) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 2.1% สำหรับการถือหุ้นเพียงไม่ถึงสองสัปดาห์”
อย่างไรก็ตาม เรามองบวกมากขึ้นกับแนวโน้มกำไรของ ADVANC เพราะเราเห็นสัญญาณบวกจากการแข่งขันด้านราคาที่ลดความรุนแรงลง เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2023 ขึ้นอีก 8% และ 9% ในปี 2024 เพื่อสะท้อนมุมมองบวกต่อแนวโน้ม ARPU (ดูสมมติฐานของเราใน figure 4) นอกจากนี้เรายังรวมผลจากการเลื่อนรวม 3BB เข้ามาในงบรวมของบริษัทจากปลายไตรมาสที่ 1 เป็นปลายไตรมาสที่ 2 ด้วย ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิในปี 2566 ดีขึ้นประมาณ 300 ล้านบาท เพราะเราคาดว่า ADVANC จะรับรู้ผลขาดทุน 1.1 พันล้านบาท จากการรวม 3BB และ JASIF เข้ามาในงบรวมของบริษัท
ทั้งนี้เรายังคงคำแนะนำซื้อ ADVANC และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 250 บาท (จากเดิมที่ 238 บาท) หลังจากที่เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นจากเดิม เรายังคงแนะนำให้ซื้อ ADVANC จากธีมการฟื้นตัวของกำไร และการเป็นหุ้น laggard ในแง่ของราคาหุ้นเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นในกลุ่ม.