บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี รายงานว่า ดัชนี MSCI Global Standard ได้ประกาศหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าบรรจุในดัชนีรอบล่าสุด โดยบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU มี Surprise ได้ปรับเข้าคำนวณในดัชนี MSCI รอบใหม่ ในขณะเดียวกัน ไม่มีหุ้นออก ส่วน MSCI Global Small Cap มีหุ้นเข้าใหม่คือ บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA, บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG, บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE, บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP, บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM
หุ้นที่ถูกปรับออกคือ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) COM7, บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR, บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ส่วน BANPU บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ย้ายไป Global Standard โดยการปรับน้ำหนักจะเกิดขึ้นในวันที่ 28 ก.พ. นี้
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย เปิดเผยว่า สำหรับบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น MAKRO จากก่อนหน้าตลาดคาดว่าจะถูกเข้าคำนวณ MSCI Global Standard Index แต่ไม่ถูกคัดเข้าคำนวณ แต่อาจจะถูกเข้าคำนวณในรอบถัดไป โดยปัจจัยพื้นฐาน MAKRO ยังแข็งแกร่ง เราคาดว่ากำไรปี 2023 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ยังแนะนำซื้อลงทุน
อย่างไรก็ตามในช่วงวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ออกเอกสารเผยแพร่โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะเข้าบรรจุในดัชนีที่สำคัญของโลก โดย นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO เปิดเผยว่า หลังจากที่แม็คโครได้รับโอนกิจการทั้งหมดของโลตัสและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเมื่อปลายปี 2564 ทำให้หุ้น MAKRO มีปริมาณผู้ถือหุ้นรายย่อย (ฟรีโฟลต) เพิ่มขึ้น ล่าสุดสามารถปลดล็อกการเพิ่มฟรีโฟลตเป็น 15% เป็นผลสำเร็จ ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้น MAKRO ที่จะถูกนำไปคำนวณในดัชนีสำคัญต่างๆ
สำหรับหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนีระดับโลก จะเป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่ใช้ดัชนีดังกล่าวเป็นองค์ประกอบการคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ตลงทุน เนื่องจากจะต้องเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีสภาพคล่องการซื้อขายสูง มีฟรีโฟลตและมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณา
ขณะที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2565 ซึ่งทำรายได้รวม 345,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.1% และในปี 2566 คาดว่าจะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการขยายสาขาและการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่ต้องการความสะดวกในการสั่งซื้อสินค้าก็มีผลตอบรับที่ดี โดยแพลตฟอร์มค้าส่งของแม็คโครและแพลตฟอร์มค้าปลีกของโลตัสในช่องทาง อีคอมเมิร์ซ มีสมาชิกเข้ามาใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก อีกทั้งคาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากภาพรวมเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวได้ดีหลังจากเปิดประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจโฮเรก้า (HoReCa คือ Hotel, Restaurant, Catering) ที่เป็นฐานลูกค้าของแม็คโครให้มีโอกาสเติบโตได้ดียิ่งขึ้น.