SVR เข้าเทรดวันแรกราคาพุ่ง 48% นักวิเคราะห์ชี้กำลังซื้อบ้านเดี่ยวเริ่มคึกคัก

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

SVR เข้าเทรดวันแรกราคาพุ่ง 48% นักวิเคราะห์ชี้กำลังซื้อบ้านเดี่ยวเริ่มคึกคัก

Date Time: 8 ก.พ. 2566 11:10 น.

Video

โมเดลธุรกิจ Onlyfans ทำไมถึงมีแต่ได้กับได้ ? บริษัทมั่งคั่ง คนทำก็รวย | Digital Frontiers

Latest


ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวได้เข้าทำการซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก โดยราคาเปิดการซื้อขายที่ 3.26 บาท จากราคาจองซื้อที่ 2.20 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาจองซื้อ 48%

 SVR ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดกรุงเทพ และปริมณฑล โดยดำเนินโครงการภายใต้แบรนด์ “สิวารมณ์” หรือ “SIVAROM” 

 ทั้งนี้ SVR มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างขายทั้งหมด 6 โครงการ มูลค่า 2,995 ล้านบาท และโครงการในอนาคต  1 โครงการ มูลค่า 686 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดขายและโอนกรรมสิทธิ์ครี่งปีหลังของปี 2566
ราคาเสนอขายหุ้นละ 2.20 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 286 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,122 ล้านบาท การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 13.93 เท่า โดยคำนวณจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ประเมิน SVR เข้าเทรดวันนี้ ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายประเภทแนวราบครอบคลุมบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ มีจุดแข็งคือแนวคิด Best Smart Living เน้นออกแบบ จัดสรรพื้นที่ การใช้เทคโนโลยี บนทำเลที่มีศักยภาพ ในราคาที่คุ้มค่า

ปัจจุบันพัฒนาโครงการแล้ว 9 โครงการในทำเลบางปูและนิคมอุตสาหกรรมอย่างชลบุรีและระยอง ปัจจัยการเติบโตมาจากจำนวนโครงการที่พัฒนาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดกำไรปีนี้ จะเพิ่มขึ้น 241% จากปีก่อน บนสมมติฐานบริษัทมีแผนเปิดตัวใหม่ 3 โครงการ ซึ่งกระจายในทำเลใหม่และกลุ่มลูกค้าใหม่ ประเมินราคาเป้าหมายที่ 3 บาท

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก ประเมินว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยยังเติบโต ในช่วง 3 ปีข้างหน้าความต้องการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีแนวโน้มฟื้นตัวจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นและการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ ทั้งนี้ ความต้องการที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มปรับดีขึ้นจากกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อในตลาดระดับกลางถึงบน โดยมีปัจจัยกระตุ้นจากพฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยอาจเปลี่ยนไปหลังการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 อาทิ การทำงานที่บ้าน (Work from home) ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยในแนวราบมากกว่าคอนโดมิเนียม

อย่างไรก็ตาม บริษัทประเมินราคาเหมาะสมราว 3.07 บาทต่อหุ้นสำหรับปี 2566: โดยใช้ Prospective PER ที่ระดับ 9 เท่าซึ่งต่ำกว่า PER เฉลี่ยของหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ระดับ 18 เท่า คาดกำไรสุทธิต่อหุ้น ปี 2566 ราว 0.341 บาทต่อหุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสมสำหรับปี 2566 ได้เท่ากับ 3.07 บาท


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ