ตลท.ชี้ปัจจัยบวกท่วมดึงเงินไหลตลาดหุ้นเกินหมื่นล้าน เร่งทบทวนเกณฑ์ครั้งใหญ่รับมือความไม่แน่นอน

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ตลท.ชี้ปัจจัยบวกท่วมดึงเงินไหลตลาดหุ้นเกินหมื่นล้าน เร่งทบทวนเกณฑ์ครั้งใหญ่รับมือความไม่แน่นอน

Date Time: 10 ม.ค. 2566 10:55 น.

Video

คนไทยจ่ายภาษีน้อย มนุษย์เงินเดือนรับจบ ปัญหาอยู่ที่ระบบหรือคนกันแน่ ? | Money Issue

Summary

  • ต่างชาติลุยซื้อหุ้นไทย 9 วันแรก ทะลุ 1.1 หมื่นล้านบาท ตลท.ชี้ปัจจัยบวกท่วม ทั้งการท่องเที่ยวฟื้นตัว เดินหน้าปรับเกณฑ์ใหม่ครั้งใหญ่สุดในรอบหลายปี หลังเจอวิกฤติพฤศจิกาทมิฬ

Latest


ต่างชาติลุยซื้อหุ้นไทย 9 วันแรก ทะลุ 1.1 หมื่นล้านบาท ตลท.ชี้ปัจจัยบวกท่วม ทั้งการท่องเที่ยวฟื้นตัว เดินหน้าปรับเกณฑ์ใหม่ครั้งใหญ่สุดในรอบหลายปี หลังเจอวิกฤติพฤศจิกาทมิฬ

ความเคลื่อนไหวการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีล่าสุดในวันที่ 9 ม.ค. 66 อยู่ที่ 1,691 จุด เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ปิดที่ 1,668.66 จุด เพิ่มขึ้น 23 จุด หรือ 1.35% โดยแรงซื้อที่สำคัญที่ทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงในรอบนี้มาจากแรงซื้อขายนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาเก็บหุ้นไทยถึง 11,671.92 ล้านบาท โดยตลาดหลักทรัพย์มองว่าแรงซื้อนี้น่าจะมีอย่างต่อเนื่อง

ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและหัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เป็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติที่เม็ดเงินยังไหลเข้าอย่างต่อเนื่องนับจากปี 2565 ที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นไทยมากกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากหลายปัจจัยบวกเกิดขึ้นพร้อมกัน เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวชัดเจน อีกทั้งได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวจากจีนเปิดประเทศ รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง

“ดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะหลายปัจจัยบวกเข้ามาพร้อมกัน ซึ่งหากเราพิจารณาจะเห็นว่าในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะไทยยังมีการเติบโตที่ดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้เกิดเงินทุนต่างชาติไหลอย่างหนาแน่น”


ภาวะเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวอย่างโดดเด่น และกำลังจะได้รับผลดีจากการเปิดประเทศของจีน ที่จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์หลักของระบบเศรษฐกิจกลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันค่าเงินบาทก็อ่อนค่าส่งผลบวกในหุ้นบางกลุ่มโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามหลังจากนี้ คือ การเติบโตของเศรษฐกิจไทย และนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเป็นไปตามที่คาดหมายหรือไม่

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยมีความแข็งแกร่งอย่างมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเรามีจุดเด่นในด้านของมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่สูงเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และในมูลค่าระดมทุนในตลาดแรกเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจของไทย ซึ่งจากข้อมูลเราพบว่าธุรกิจไทยมีธุรกิจอยู่ในต่างประเทศจำนวนมาก และมีรายได้จากต่างประเทศมากกว่า 40%


อย่างไรก็ตามในด้านการแข่งขันในธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ของไทยเมื่อเทียบกับต่างชาติ เราจะพบว่า แม้เราจะอยู่ในระดับต้นๆ ของเอเชีย แต่ก็มีหลายประเทศที่พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์ของอินโดนีเซีย ที่ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่าสิงคโปร์ไปแล้ว เช่นเดียวกับประเทศเวียดนามที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ตลท.ประกาศแผนปรับปรุงกฎเกณฑ์ครั้งใหญ่


สำหรับแผนปี 2566 ตลาดหลักทรัพย์เดินหน้านโยบาย Supervision พัฒนาในการกำกับดูแลตลาดหุ้นให้ทันสมัย ปัจจัยสำคัญจากสภาพตลาดหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไป และมีพฤติกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมากขึ้น ซึ่งการพัฒนาตลาดทุนครั้งนี้จะเป็นการยกระดับตั้งแต่ก่อนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ จนมาถึงการบริษัทที่เป็นสมาชิก ตลอดจนถึงบริษัทที่พ้นสภาพการเป็นบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะจัดทำเป็นแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว


“ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาเจอความท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะเหตุการณ์ช่วง พฤศจิกาทมิฬ ที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เราต้องมาทบทวนกันว่า ขั้นตอนการทำงานการกำกับดูแลตลาดหุ้นมีจุดไหนที่เราต้องเพิ่ม หรือต้องปรับหรือไม่”

การปรับปรุงและพัฒนาตลาดทุนในรอบนี้เราจะดูตั้งแต่มาดูความเหมาะสมของหลักเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ในทุกตลาด การชำระราคาต้องปรับปรุงอย่างไร กฎเกณฑ์การควบคุมเหมาะสมความก้าวหน้าในระบบการซื้อขายทั้ง โปรแกรมเทรด อินเทอร์เน็ตเทรด หรือการส่งคำสั่งซื้อขายจากต่างประเทศ

รวมถึงการปรับปรุงกระบวณการตรวจสอบข้อมูล ข้อมูลการถือครองหุ้น การติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ในด้านต่างๆ ต้องทำมากขึ้น เช่น เครดิตบูโรของที่เป็นการรวมศูนย์ข้อมูลดำเนินธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ โดยในระยะสั้น ทบทวนการพิจารณาความเสี่ยงของลูกค้าร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ ให้แต่ละ บล.มีข้อมูลมาใช้ได้ ให้ตลาดควบคุมได้ง่ายขึ้น ควบคุมการปฏิบัติงานภายในให้ลดและป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เกิดขึ้น และแก้ไขเหตุการณ์ได้เร็วขึ้นระยะยาว ทำอย่างไรให้ลดความเสี่ยงและพัฒนาการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

สร้างความชัดเจน 3 กระดานเทรด

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในด้านการดูแลบริษัทจดทะเบียนนั้นต้องทำทั้งระบบ ไม่ใช่แค่การพัฒนายกระดับเกณฑ์การนำหุ้นเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว แต่เราต้องดูในตัวบริษัทสมาชิกด้วย ทั้งนี้สิ่งต้องพิจารณา คือ การจัดตำแหน่งของทั้ง 3 ตลาดหลักทรัพย์ทั้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ หรือ maiและ LiVE Exchange ซึ่งต้องพิจารณาว่าเราจะยกระดับ SET ขึ้นไปหรือไม่ เพราะก็มีความต้องการของบริษัทขนาดใหญ่ หรือบริษัทที่ทำธุรกิจในต่างประเทศต้องการเข้ามาจดทะเบียน หรือในความทับซ้อนของ mai และ LiVE Exchange เพราะมีบริษัทบางส่วนใน mai ก็เป็นธุรกิจ SME

ทบทวนเวลาการซื้อขาย

ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานการตลาด และกรรมการผู้จัดการบริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การทบทวนกฎเกณฑ์ดังกล่าวนั้นจะมีการพิจารณาในเรื่องเวลาการเปิดและปิดการซื้อขายใน SET และ TFEX ด้วยเนื่องจากสินค้าที่เทรดในตลาดหุ้นไทยเวลานี้มีความหลากหลายมาก อย่าง DR หรือ DRx ที่อ้างอิงสินทรัพย์ต่างประเทศ ดังนั้นเราต้องมาดูว่าต้องปรับเวลาให้สอดคล้องกันหรือไม่ รวมถึงสินค้าในตลาด TFEX เช่น Gold Futures ต้องมีการขยายเวลาหรือไม่ รวมถึงการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยต้องปรับเปลี่ยนหรือไม่ จะมีการพิจารณาในรอบเดียวกัน.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์