ITC เทรดวันแรกราคาเหนือจอง เตรียมบุกตลาดจีน ท้าชิงเบอร์ 1 อาหารสัตว์เอเชีย

ไอ-เทล เข้าเทรดวันแรกราคาเหนือจอง มาร์เก็ตแคปรวมเฉียดแสนล้านบาท ปักธงปั้นรายได้โตไม่ต่ำกว่า 15% พร้อมบุกตลาดจีน ดันส่วนแบ่งการตลาดขึ้นเบอร์ 1 ของเอเชีย ด้าน บล.ทิสโก้ มองการเติบโตสดใส

นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC เปิดเผยว่า ความเคลื่อนของ ITC หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET นั้น บริษัทยังมองโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายรายได้ของปี 2566 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน โดยมองตลาดที่จะเป็นหัวใจหลักของการเติบโตคือประเทศจีน

“ITC คาดว่าจะมีการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน เรามองโอกาสในจีนที่การขยายตัวของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี เป็นปัจจัยสำคัญจะช่วยผลักดันให้ ITC ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของธุรกิจอาหารสัตว์ในเอเชียได้”

แผนการเติบโตของ ITC ในอนาคตจะมาใน 2 ส่วน ทั้งการขยายตลาดในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่เติบโตสูง รวมถึงการสร้างการเติบโตผ่านตลาดดั้งเดิมทั้งในสหรัฐฯและยุโรป รวมถึงตะวันออกกลาง นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนจะขยายไลน์สินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มไลน์สินค้าไป 1,300 รายการ และในปี 2566 คาดว่าจะออกสินค้าเพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 1,000 รายการ ซึ่งสินค้าใหม่เป็นหัวใจของการเติบโต โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 15% ของยอดขายรวมทั้งหมด สำหรับงบลงทุนในปีหน้าบริษัทตั้งวงเงินไว้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในการเข้าระดมทุนครั้งนี้ ได้นำเงินไปคืนหนี้สถาบันการเงิน 7,500 ล้านบาท ทำให้บริษัทเกือบจะปลอดหนี้ และไม่มีต้นทุนดอกเบี้ยสถาบันการเงิน ช่วยสร้างโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคตด้วย

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมการเข้าทำการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยของ ITC ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 3-4% ถือว่าน่าพอใจ เพราะ ITC มีมูลค่าหลักทรัพย์การตลาดเกือบ 1 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าที่สูงมาก และมีโอกาสเติบโตในอนาคต ทั้งนี้ ITC ในอนาคตหรือในปีหน้าก็เป็นไปได้ว่า ITC อาจถูกนำเข้าคำนวณดัชนี SET50 หรือ SET100 ได้

บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า จากการประมาณการเบื้องต้นของเรา ITC มีมูลค่าที่เหมาะสมในปี 2566 ที่ 39-41 บาท อ้างอิงบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งที่มีลักษณะการดำเนินธุรกิจใกล้เคียงกัน ที่ P/E 23.5-24 เท่า โดยเราคาด ITC จะมีแนวโน้มผลการดำเนินงานค่อนข้างสดใส จากอุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นตามตลาดโลก จากพฤติกรรมของการเลี้ยงสัตว์ที่เอาใจใส่สัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้มูลค่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกคาดจะมีการเติบโตปี 2565-2569 เฉลี่ยที่ 7.1% โดยเฉพาะในอาหารเปียก มากกว่า อาหารแห้ง และอาหารแมว มากกว่า อาหารสุนัข ซึ่งเป็นสินค้าที่ ITC มีสัดส่วนรายได้มาก อีกทั้งสามารถสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุนเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด จากการร่วมมือกับบริษัทแม่อย่าง TU นอกจากนี้จากแผนการนำเงินที่ได้จากการ IPO ไปใช้ในการขยายกำลังการผลิต และเน้นพัฒนากลุ่มสินค้าพรีเมียม จะช่วยสร้างการเติบโตของผลดำเนินงานแก่บริษัทในอนาคต สำหรับความเสี่ยงที่ต้องระวังของ ITC คือ ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ, การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูง, ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่อาจถดถอยในปีหน้า