ตลาดหลักทรัพย์ เผย ยังไม่พบความผิดปกติหลังรายย่อยประท้วงหยุดเทรด ชี้ 3 ประเด็นต้องพิจารณาก่อนเริ่มเก็บภาษี พร้อมเดินหน้าลดต้นทุนให้ผู้ร่วมอุตสาหกรรม
จากกรณีที่นักลงทุนรายบุคคลได้นัดหยุดการซื้อขายหุ้นในวันนี้ (8 ธ.ค.) เพื่อต่อต้านการเก็บภาษีขายหุ้นนั้น นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในการซื้อขายในตลาดหุ้นวันนี้ (8 ธ.ค.) ยังไม่พบความผิดปกติ โดยมูลค่าการซื้อขายในช่วงเช้ายังอยู่ที่ระดับ 2.2 หมื่นล้านบาท แต่ต้องจับตาว่าในระยะยาวเมื่อการเก็บภาษีมีผลบังคับใช้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“มูลค่าการซื้อขายในวันนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยครึ่งวันแรกมีวอลุ่มจากนักลงทุนต่างชาติ 1.2 หมื่นล้าน นักลงทุนรายบุคคล 9 พันล้าน และสถาบันในประเทศ 3 พันล้านบาท ยังไม่พบประเด็นที่เปลี่ยนแปลงไปจากก่อนหน้า”
โดยข้อมูลการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาอาจปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะของตลาดหุ้นที่มีปัจจัยกดดันมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาวะความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย การปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจในหลายประเทศ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ทั้งนี้ มุมมองของตลาดหลักทรัพย์ในด้านการจัดเก็บภาษีขายหุ้นนั้น ที่ผ่านมาหลายประเทศที่อาจจะมีปัญหาในด้านการจัดเก็บรายได้ก็จะเริ่มพิจารณาช่องทางการจัดเก็บภาษีในตลาดหุ้น เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ เพราะที่ผ่านมาเรามีกฎหมายด้านนี้อยู่แล้ว และใช้วิธีการยกเว้นภาษี
แต่สิ่งที่เราต้องพิจารณามี 3 ด้าน คือ 1 อัตราการจัดเก็บภาษีต้องมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ 2 การจัดเก็บภาษีต้องไม่ซับซ้อน และ 3 มีระยะเวลาให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามารถปรับตัวรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ในสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์กำลังดำเนินการคือการหาช่องทางในการลดต้นทุนของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องลงไม่ว่าจะเป็นบริษัทจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เพื่อช่วยเหลือทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม รวมถึงสร้างช่องทางให้กับนักลงทุนรายบุคคลให้สามารถลงทุนได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ใน 11 เดือนแรกปี 2565 มีเงินลงทุนเคลื่อนย้ายมายังตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก จากเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวดีต่อเนื่องในไตรมาส 3 ทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า และการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในช่วง 3 ไตรมาสแรกฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาด COVID-19 อีกทั้งนักวิเคราะห์ยังปรับประมาณการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนใน SET ให้เติบโตดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
ในเดือน พ.ย. มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 64,422 ล้านบาท ลดลง 30.2% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 11 เดือนแรกปี 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 78,637 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 30,129 ล้านบาท ทำให้ใน 11 เดือนแรกปี 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวม 184,060 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7