CPALL กำไร 9 เดือนทะลุ 1 หมื่นล้านบาท รับผลบวกการบริโภคฟื้นตัวขึ้น

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

CPALL กำไร 9 เดือนทะลุ 1 หมื่นล้านบาท รับผลบวกการบริโภคฟื้นตัวขึ้น

Date Time: 11 พ.ย. 2565 17:54 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Summary

  • CPALL เผยกำไร ไตรมาส 3 ที่ 3,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146% จากปีก่อน ผลจากกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และการรับรู้การเติบโตในแม็คโคร และ โลตัส ดันกำไร 9 เดือน ทะลุ 1.01 หมื่นล้านบาท พร้อมเพิ่มสาขาใหม่อีก 700 แห่ง

Latest


CPALL เผยกำไร ไตรมาส 3 ที่ 3,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146% จากปีก่อน ผลจากกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และการรับรู้การเติบโตในแม็คโคร และ โลตัส ดันกำไร 9 เดือน ทะลุ 1.01 หมื่นล้านบาท พร้อมเพิ่มสาขาใหม่อีก 700 แห่ง

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL บริษัทรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 2565 โดย บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิจำนวน 3,677 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,493 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 146% โดยมีรายได้รวมในไตรมาส 3 ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 213,808 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 64%


โดยมีสาเหตุมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและบริการของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ รวมถึงธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภค บริโภค ที่ธุรกิจแม็คโครนั้นมีการเติบโตของรายได้จากการขายและบริการดีขึ้นเช่นกัน ประกอบกับมีการรับรู้รายได้ของธุรกิจโลตัสเข้ามา นอกจากนี้ กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเติบโตของรายได้นั้นยังคงได้รับ ปัจจัยบวกอย่างต่อเนื่องจากการเปิดประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการบริโภคภายในประเทศ ปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวมจำนวน 627,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กำไรสุทธิมีจำนวน 10,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวม มีจำนวน 1.05 บาท จากผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นทุกหน่วยธุรกิจตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ และการรวมธุรกิจโลตัส

อย่างไรก็ตาม CPALL คาดการณ์และแนวโน้มธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ในปี 2565 บริษัทฯ วางแผนที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งรวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขาต่อเนื่องไปตามการขยายตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แหล่งท่องเที่ยว และทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่ (New Normal)
และอำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของ ลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยบริษัทวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่อีกประมาณ 700 สาขาในปี 2565 การประมาณการรายได้จากการขายและบริการ คาดว่าในปี 2565 บริษัทฯ จะสามารถสร้างการเติบโตได้จากอัตราการเติบโตของยอดขายจากร้านสาขาใหม่ และอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม


ซึ่งเป็นไปตามทิศทางของอัตราการ ขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) การบริโภคภายในประเทศ และอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจไทยมีฟื้นตัวหลังจากเกิดการแพร่ระบาด COVID-19 แต่บริษัทฯ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบ อาทิเช่น การปรับขึ้นของราคา พลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งกระทบต่อต้นทุนสินค้า ค่าขนส่ง ค่าครองชีพ รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคด้วย ประมาณการงบลงทุน


บริษัทวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสะดวกซื้อสาขาใหม่อีกประมาณ 700 สาขาในปี 2565 คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 11,500 – 12,000 ล้านบาท การเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800 - 4,000 ล้านบาท การปรับปรุงร้านเดิม 2,400 - 2,500 ล้านบาท โครงการใหม่, บริษัทย่อย และศูนย์กระจายสินค้า 4,000 - 4,100 ล้านบาท สินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300 – 1,400 ล้านบาท


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์