PTTGC ขาดทุนไตรมาส 3/65 ที่ 13,384 ล้าน จากการสต๊อกน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

PTTGC ขาดทุนไตรมาส 3/65 ที่ 13,384 ล้าน จากการสต๊อกน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน

Date Time: 10 พ.ย. 2565 07:30 น.

Video

บรรยง พงษ์พานิช แกะปมเศรษฐกิจไทยโตต่ำ ฟื้นช้า พร้อมแนะทางออก

Summary

  • PTTGC ขาดทุนไตรมาส 3/65 ที่ 13,384.18 ล้านบาท จากการสต๊อกน้ำมันและการปรับมูลค่าสินค้าขาดทุนอนุพันธ์ประกันความเสี่ยง และผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน

PTTGC ขาดทุนไตรมาส 3/65 ที่ 13,384.18 ล้านบาท จากการสต๊อกน้ำมันและการปรับมูลค่าสินค้าขาดทุนอนุพันธ์ประกันความเสี่ยง และผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/65 บริษัทขาดทุนสุทธิ 13,384.18 ล้านบาท เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7,005.21 ล้านบาท

โดยมีรายได้จากการขายรวม 181,536 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 62% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน พบว่ารายได้จากการขายลดลง 8% เนื่องจากความกังวลต่อภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ และราคาขายผลิตภัณฑ์ลดลงทั้งปิโตรเลียม และปิโตรเคมี

ขณะเดียวกันในไตรมาส 3 นี้บริษัทฯ มี Adjusted EBITDA อยู่ที่ 10,374 ล้านบาท ลดลงทั้งจากไตรมาส 2/2565 และไตรมาส 3/2564 ถึง 51% และ 34% ตามลำดับ มาจากมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดในประเทศจีน รวมถึงกำลังการผลิตใหม่ที่เข้าสู่ตลาด

อีกทั้งจากปัจจัยเศรษฐกิจได้ส่งผลให้เกิดความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน และรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้ หรือ Stock Loss Net NRV รวม 8,108 ล้านบาท

ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 2,111 ล้านบาท ผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 4,426 ล้านบาท กำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงิน 1,128 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่บริษัทรับรู้รายได้จำนวน 306 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2/65

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 65 บริษัทขาดทุนสุทธิ 7,784.25 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 41,734.81 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2566 ยังคงมีความท้าทายจากสถานการณ์ต่างๆ ท้ังการยืดเยื้อของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนส่งผลกระทบราคาพลังงานทั่วโลก และนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อและความกังวลเศรษฐกิจถดถอย

ล่าสุด IMF ได้ปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตของ GDP โลกในปี 2566 ลงเหลือ 2.7% ดังนั้นความต้องการปิโตรเลียมและปิโตรเคมียังสามารถเติบโตได้

ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบในปีหน้าเฉลี่ย 85-90 เหรียญสหรัฐต่อบารเ์รล ขณะที่ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของโรงกลั่นบริษัทคาดการณ์ราคาและส่วนต่างของผลิตภัณฑ์ในปีหน้ามีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากปีนี้ที่ส่วนต่างราคาอยู่ในระดับสูงจากอุปทานตึงตัวเป็นผลจากสถานการณ์ความขัดแย้งในยุโรป

โดยบริษัทคาดการณ์ว่าส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 22-24 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนต่างราคาน้ำมันเตากำมะถันต่ำกับน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 16 -20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนต่างราคาน้ำมันแก๊ซโซลีนกับน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ย 12-15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยบริษัทคาดการณ์การใช้กำลังการกลั่นอยู่ที่ 101% ในปี 66


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ