ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 31 ต.ค.65 ปิดที่ 1,608.76 จุด เพิ่มขึ้น 2.69 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 55,893.94 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 4,164.85 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 146 บาท บวก 3.50 บาท, PTTEP ปิด 181.50 บาท บวก 1 บาท , PTT ปิด 36 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, CPALL ปิด 60 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, EA ปิด 96.50 บาท ลบ 1.25 บาท
หุ้นไทยบวกตามหุ้นต่างประเทศที่มีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย หลังดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) สหรัฐฯ ขยายตัวน้อยกว่าที่คาด ขณะที่เงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองว่าหุ้นไทย ดีดขึ้นต่อ แต่ยังไปไม่ถึงแนวต้านใหม่ที่ 1,620 จุด ทำให้มีแรงเทขายทำกำไรออกมาประกอบกับนักลงทุนรอติดตามผลการประชุมเฟดกลางสัปดาห์นี้ รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 3/65 ในหุ้นรายกลุ่มรายตัวด้วย ทำให้ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกมากนัก
มองแนวโน้มระยะสั้น ตลาดมีโอกาสแกว่งตัวลง เนื่องจากนักลงทุนชะลอลงทุนก่อนการประชุมเฟด ด้านเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 1,590 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 1,620 จุด
ปิดท้ายมีบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” หุ้นจาก บล.ทิสโก้ ในหุ้น MC คาดกำไรสุทธิ 1Q22/23F อยู่ที่ 112 ล้านบาท โต 373% YoY แต่ลดลง 8% QoQ ซึ่งเป็นผลประกอบการที่กลับไปสู่ระดับก่อนโควิด-19 แล้ว โดยคาดรายได้อยู่ที่ 746 ล้านบาท (70% YoY, ทรงตัว QoQ) ด้วยคาดยอดขายสาขาเดิม (SSSG) โต 80% YoY จากการฟื้นตัวหลังโควิด-19 ดีขึ้น
สำหรับยอดขายเมื่อเทียบ QoQ มองว่าบริษัทจะทำได้ดีด้วยทรงตัวได้แม้จะเป็นช่วง low season ในไตรมาสก็ตาม ในแง่ของอัตรากำไรขั้นต้นคาดเพิ่มขึ้นมาที่ 66% ใกล้เคียง QoQ จากส่วนผสมสินค้าและการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่า SG&A/Sale จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 47% จากส่วนลดค่าเช่าที่ปรับลดลง และค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการและบริหารที่เพิ่มขึ้นตามยอดขาย นอกจากนี้ ไตรมาสนี้คาดว่าบริษัทจะจ่ายภาษีที่ 20% เมื่อเทียบกับก่อนหน้าที่ 18% เนื่องจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สิ้นสุดลง จึงทำให้กำไรสุทธิลดลงเทียบกับ QoQ.
อินเด็กซ์ 51