SCB CIO คาดเฟดยังขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งส่งท้ายปี 65 แนะลุยสินทรัพย์คุณภาพสูง

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

SCB CIO คาดเฟดยังขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งส่งท้ายปี 65 แนะลุยสินทรัพย์คุณภาพสูง

Date Time: 25 ต.ค. 2565 14:13 น.

Video

ดร.พิพัฒน์ KKP กระเทาะโจทย์เศรษฐกิจไทย บุญเก่าเจอความเสี่ยง บุญใหม่มาไม่ทัน

Summary

  • SCB CIO คาดเฟดยังขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในเดือน พ.ย. และเดือน ธ.ค. ส่งท้ายปี 65 แนะลุยสินทรัพย์คุณภาพสูง มองหุ้นไทย อินโดนีเซีย และสหรัฐฯ น่าลงทุน

SCB CIO คาดเฟดยังขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในเดือน พ.ย. และเดือน ธ.ค. ส่งท้ายปี 65 แนะลุยสินทรัพย์คุณภาพสูง มองหุ้นไทย อินโดนีเซีย และสหรัฐฯ น่าลงทุน

ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโสและหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office หรือ SCB CIO ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อสูงยืดเยื้อและดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ยังไม่มากพอที่จะทำให้ธนาคารกลางส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย อ้างอิงจากรายงาน World Economic Outlook ล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ระบุว่า เศรษฐกิจภาพรวมของโลกยังมีแนวโน้มได้รับผลกระทบผ่านกำลังซื้อที่ลดลงจากเงินเฟ้อ

รวมถึงการตึงตัวของภาคการเงินรวมถึงในหลายประเทศอาจต้องเผชิญภาระหนี้ที่มากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อภาคการค้าและการลงทุน รวมถึงโมเมนตัมการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะกลาง

ในส่วนของแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ SCB CIO คงมุมมองว่า อัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศยังอยู่ในระดับสูง การชะลอลงเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมราคาพลังงานและอาหารสด) ลดลงช้ามากจากปัจจัยอุปทานที่ยังโตไม่ทันปัจจัยอุปสงค์โดยเฉพาะในภาคบริการ

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว แต่ยังไม่มากพอที่จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หรือ Slower rate hikes

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันค้าปลีกเฉลี่ยของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมที่กลับมาปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้มีแนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในระดับสูงและลงช้า SCB CIO ประเมินว่า เฟดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 75 bps ต่อครั้งในการประชุมเดือน พ.ย. และเดือน ธ.ค. 65

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงอยู่ในระดับสูง(ราคาพันธบัตรลดลง) จากแรงกดดันของเงินเฟ้อยังคงยืดเยื้อ ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยที่สูงขึ้นทำให้ spread อัตราผลตอบแทนพันธบัตร ยังคงสูงขึ้นโดยเฉพาะกลุ่ม High Yield ขณะที่ตลาดหุ้นยังรอการประเมินผลของเงินเฟ้อและดอกเบี้ยต่อผลประกอบการไตรมาส 3

รวมถึงสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบช้าลงของเฟด โดยอัตราเงินเฟ้อถึงแม้จะผ่านจุดสูงสุดแล้ว แต่ยังคงปรับตัวลดลงช้าในปี 2022 นี้ จะทำให้การส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยช้าลงน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงต้นปี 2023

นอกจากนี้ ผลประกอบการและ guidance จากบริษัทต่างๆ ในช่วงไตรมาส 3 จะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะบอกได้ว่า ตลาดหุ้นที่มีการปรับตัวลงมาค่อนข้างมากจะเป็นกับดักทางมูลค่า หรือ valuation trap หรือไม่นั้น

สำหรับค่าเงินบาท SCB CIO ประเมินว่าจากสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยช้าลงที่ยังไม่ชัดเจน จะยังทำให้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงอยู่ในระดับสูง และเป็นแรงกดดันหลักต่อค่าเงินในกลุ่ม EMs รวมถึงเงินบาท บวกกับแนวโน้มการยกเลิก Zero Covid Policy ของจีนที่คาดว่าจะถูกเลื่อนออกไปจนถึงไตรมาส 2/2023 จะทำให้การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนและดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยถูกเลื่อนออกไปด้วย เราจึงปรับการคาดการณ์ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2022 เป็น 36-37 และ สิ้นปี 2023 เป็น 34-35

ดร.กำพล กล่าวอีกว่า การจัดพอร์ตการลงทุน SCB CIO ยังคงคำแนะนำการลงทุนแบบระมัดระวังและเน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูง ในภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยและภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น เราแนะนำให้มีเงินสด หรือผลิตภัณฑ์ความเสี่ยงต่ำ (มุ่งคุ้มครองเงินต้น) 5-15% ของพอร์ต

การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (ราคาลดลง) เป็นโอกาสสำหรับลูกค้าที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดในพอร์ต โดยเน้นทยอยสะสมหุ้นกู้คุณภาพดี เพื่อหลีกเลี่ยงการเร่งตัวของ spread ในช่วงความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยสูงขึ้น

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการจัดการความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงยืดเยี้อ เรายังคงแนะให้มีสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะน้ำมันในสัดส่วน 5% ของพอร์ต เรามีมุมมองโดยรวมเป็น Neutral ต่อหุ้น โดยทยอยสะสมหุ้นบริษัทที่มีการเติบโตยั่งยืนและอัตรากำไรสูง ในประเทศที่ได้อานิสงส์จากการเปิดเมืองเปิดประเทศ และการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานของโลก (ตลาดหุ้นไทย อินโดนีเซีย) หรือประเทศที่มีการเติบโตของค่าจ้าง (ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเริ่มทยอยสะสมหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยช้าลง)

โดยเราปรับมุมมองหุ้นเวียดนามเป็น Neutral โดยแม้เศรษฐกิจและผลประกอบการจะยังเติบโตต่อเนื่อง แต่แรงกดดันจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ลดลงเร็ว การลดค่าเงิน การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 100 bps ในช่วงสิ้นปีนี้ ยังคงเป็นแรงกดดันระยะสั้น ซึ่ง Valuation ปัจจุบันของตลาดหุ้นเวียดนาม (P/E 10x ; -2sd) อยู่ในระดับค่อนข้างน่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ