เคาะราคา IPO เบทาโกรที่ 40.00 บาทต่อหุ้น มูลค่าเสนอขายไม่เกิน 20,000 ล้าน คาดเป็น IPO ของหุ้นในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 65 นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG กล่าวว่า ปัจจุบันเบทาโกรมีแบรนด์ที่หลากหลาย และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย อาทิ แบรนด์ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ อาหารแปรรูป และไส้กรอก เช่น แบรนด์ S Pure, แบรนด์ Betagro และ แบรนด์ ITOHAM และแบรนด์อาหารสัตว์อย่าง แบรนด์ Perfecta, แบรนด์ DOG n joy และแบรนด์ CAT n joy ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
รวมถึงผู้นำและให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหารระดับสูงตามมาตรฐานสากล ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรด้วยระบบฐานข้อมูลเพื่อสร้างรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการบริหารช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและครอบคลุม ทั้งช่องทางของเบทาโกรที่ครอบคลุมกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย.65) และเครือข่ายพันธมิตรอันแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ เบทาโกรยังให้ความสำคัญกับกระบวนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นรูปแบบธุรกิจที่ไม่ต้องลงทุนเป็นเจ้าของสินทรัพย์ แต่ใช้เครือข่ายของเกษตรกรแบบพันธสัญญา และให้การสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบผ่านกลยุทธ์ Agro Total Solution พร้อมพัฒนาประสิทธิภาพทีมงานและบุคลากรตลอดห่วงโซ่อุปทาน ผ่านการบริหารจัดการโดยคณะกรรมการบริษัท และคณะผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์และมากด้วยประสบการณ์จากองค์กรชั้นนำระดับโลกที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล
ส่วนของกลยุทธ์การสร้างการเติบโตในอนาคต เบทาโกรมีแผนสร้างศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ด้วยแผนการขยายกำลังการผลิตตลอดห่วงโซ่คุณค่า การสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางการจัดจำหน่ายโดยเฉพาะช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีมูลค่าสูง การมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป และผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น
สำหรับศักยภาพการเติบโตในตลาดต่างประเทศ เบทาโกรมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศกัมพูชาและลาว การลงทุนในฟาร์มและโรงงานในประเทศเมียนมา การเพิ่มจุดหมายการส่งออกและเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายในตลาดต่างประเทศที่สำคัญ
เช่น ประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง เป็นต้น ตลอดจนมุ่งแสวงหาและต่อยอดโอกาสการเติบโตใหม่ (New S-Curve) ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจโปรตีนทางเลือกจากพืชภายใต้แบรนด์ Meatly! และธุรกิจบริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ Kerry Cool ซึ่งเป็นการร่วมค้ากับบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
นางศิริวรรณ อินทรกำธรชัย ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริหารการเงิน บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เบทาโกรสามารถสร้างการเติบโตของรายได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 7.3% ต่อปี โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 เบทาโกรมีรายได้รวม 54,193.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีรายได้ส่วนใหญ่จากกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 68% ของรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการ
ส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจเกษตร กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ประมาณ 25%, 5% และ 2% ของรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการตามลำดับ และสามารถสร้างกำไรสุทธิ 3,892.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.2% โดยเบทาโกรมีกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดคิดเป็น 233.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตจากทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
1. กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน มีความโดดเด่นอย่างมากจากการเพิ่มขึ้นของทั้งราคาและปริมาณการขาย ตามกลยุทธ์การเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงให้มากขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหารแปรรูป เป็นต้น
2. กลุ่มธุรกิจเกษตร ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นตามกลยุทธ์ Agro Total Solution และการเพิ่มขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ตามการเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบหลัก
3. กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ เติบโตขึ้นตามราคาขายอาหารสัตว์และราคาขายสัตว์ที่มีชีวิตในกัมพูชาและลาว ที่สูงขึ้นตามราคาตลาด
4. กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งราคาและปริมาณการขายอาหารสัตว์เลี้ยง สอดคล้องกับกลยุทธ์ของเบทาโกร ซึ่งมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์และช่องทางจัดจำหน่ายที่มีมูลค่าเพิ่มสูงให้มากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ เบทาโกรวางแผนที่จะเงินไปลงทุนเพื่อการเข้าซื้อ หรือก่อสร้างฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่ประมาณ 8,000 ล้านบาท การปรับโครงสร้างเงินทุนผ่านการชำระหนี้สินระยะสั้น หรือระยะยาว ให้แก่สถาบันการเงินประมาณ 8,960 – 10,500 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงาน ไม่เกิน 1,021 ล้านบาท
นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายวานิชธนกิจและตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่ กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ 40.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เข้าลงนามในสัญญาลงทุนในหุ้น BTG เพื่อเป็น Cornerstone Investors ทั้งหมด 25 ราย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7,286 ล้านบาท หรือคิดเป็น 77.1% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันทั่วโลกในเบื้องต้น (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) การตกลงลงทุนก่อนของนักลงทุนประเภท Cornerstone Investors
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การระดมทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของเบทาโกรที่จะสร้างโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เนื่องจากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และมีความพร้อมขยายธุรกิจในทุกๆ ด้าน เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันในอนาคต
โดยการเสนอขายหุ้นสามัญของ BTG ในครั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่เป็นลูกค้าของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์สามารถจองซื้อหุ้นในระหว่างวันที่ 10 – 12 และ 17 ต.ค. 65 นี้ โดยปัจจุบันแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) ได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. และได้มีผลบังคับเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา