กลุ่มทิสโก้ เผยครึ่งปีแรก 65 กำไรสุทธิ 3,644 ล้าน ได้พอร์ตสินเช่ือหนุน

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

กลุ่มทิสโก้ เผยครึ่งปีแรก 65 กำไรสุทธิ 3,644 ล้าน ได้พอร์ตสินเช่ือหนุน

Date Time: 14 ก.ค. 2565 14:34 น.

Video

ทางรอดเศรษฐกิจไทยในยุค AI ครองโลก | 1st Anniversary Thairath Money

Summary

  • กลุ่มทิสโก้ เผยครึ่งปีแรก 65 กำไรสุทธิ 3,644 ล้าน เติบโตจากปีก่อนหน้า 6.2% หลังได้พอร์ตสินเช่ือหนุนโดยเฉพาะกลุ่มจำนำทะเบียนรถ ส่วนกำไรไตรมาส 2/65 แตะ 1,848 ล้าน

กลุ่มทิสโก้ เผยครึ่งปีแรก 65 กำไรสุทธิ 3,644 ล้าน เติบโตจากปีก่อนหน้า 6.2% หลังได้พอร์ตสินเช่ือหนุนโดยเฉพาะกลุ่มจำนำทะเบียนรถ ส่วนกำไรไตรมาส 2/65 แตะ 1,848 ล้าน

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 65 นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ หรือ TISCO กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 2/65 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิจำนวน 1,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% จากไตรมาส 2/64 เนื่องมาจากการกลับมาเติบโตของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยสินเชื่อในกลุ่มจำนำทะเบียนขยายตัว 4.5% จากสิ้นปี 2564 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเติบโตผ่านช่องทางสมหวัง เงินสั่งได้

นอกจากนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้น 11.7% ตามการฟื้นตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัย สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 0.3% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เป็นไปตามการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนชะลอตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 29.0% จากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานจากธุรกิจจัดการกองทุนอ่อนตัวลง 15.5% จากการออกกองทุนใหม่ที่ลดลงในสภาวะตลาดทุนที่ซบเซา

สำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2565 กำไรสุทธิมีจำนวน 3,644 ล้านบาท ขยายตัว 6.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 เป็นผลมาจากการขยายตัวของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค การฟื้นตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัย และค่าใช้จ่ายผลขาดทุนด้านเครดิตที่ลดลง ในขณะที่ธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนอ่อนตัวลงในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2565 อยู่ที่ 18.1% เงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 65 มีจำนวน 203,341 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.2% จากสิ้นปีก่อนหน้า จากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อเช่าซื้อรถมือสอง สินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อ SMEs

ในส่วนของสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPLs) ลดลงจากสิ้นปี 2564 มาอยู่ที่ 2.2% ของสินเชื่อรวม โดยบริษัทยังคงปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังและควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระดับเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Loan Loss Coverage Ratio) อยู่ในระดับสูงที่ 253%

ทั้งนี้ ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 25.3% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 21.0% และ 4.3% ตามลำดับ

ในระยะข้างหน้าแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด จะมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงมาตรการผ่อนคลายการเปิดรับนักท่องเที่ยวจะส่งผลในเชิงบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่การเร่งตัวขึ้นอย่างมากของเงินเฟ้อที่มีแรงหนุนจากราคาพลังงานและราคาสินค้า จะส่งผลลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ และทำให้รายได้ที่แท้จริงของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนปรับตัวลดลง

นอกจากนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะอันใกล้นี้ ยังจะลดทอนความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางได้ ดังนั้นจึงถือเป็นปัจจัยความท้าทายของภาคธุรกิจที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ