ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 6 ก.ค.65 ปิด 1,541.79 จุด เพิ่มขึ้น 0.49 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 72,117.55 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,285.54 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัสระบุ นักลงทุนอยู่ในช่วงกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ TECHNICAL RECESSION หรือ GDP สหรัฐฯจะติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาสขึ้นไปหรือไม่ ซึ่งต้องรอการรายงาน 27 ก.ค.65 นี้ เอเซียพลัสจึงได้ทำการวิเคราะห์ค้นหาหุ้นที่มัก Outperform ช่วงที่เกิด TECHNICAL RECESSION
โดยย้อนอดีต 15 ปี เคยเกิดเหตุ TECHNICAL RECESSION 2 ครั้ง คือ วิกฤติ Subprime (3Q08-2Q09) ซึ่ง S&P500 ปรับตัวลงแรง 38% (SET-22%) และช่วงวิกฤติ Covid-19 (1Q20-2Q20) S&P500 ปรับลงแรงถึง 20% (SET-19%) แต่ยังพอมีกลุ่มหุ้นที่ Outperform ตลาดได้ดีคือหุ้นส่งออก AGRI, FOOD และหุ้นผันผวนต่ำ ICT, COMM, INSUR
สรุปช่วงที่กังวลต่อ TECHNICAL RECESSION ตลาดหุ้นผันผวนสูงยามที่ย่อตัวลงแนะสะสมหุ้น 5 กลุ่ม AGRI, FOOD, ICT, COMM, INSUR ที่มีเกราะป้องกันและคาดหวังกลับมา Outperform ตลาดได้
ขณะที่ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส หั่นเป้าดัชนีปีนี้ลงเหลือ 1,680 จุด รับผลกระทบเงินเฟ้อสูง กดดันดอกเบี้ยขาขึ้นทั่วโลก ฉุดเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย แนะปรับพอร์ตตั้งรับวิกฤติ ปัจจัยที่ควรระวังคือ เม็ดเงินไหลออกจากส่วนต่างดอกเบี้ยสหรัฐฯและไทยที่จะกว้างขึ้นเรื่อยๆ ผนวกกับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ที่ประเมินไว้ว่าปีนี้จะอยู่ที่ 7-8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้เงินบาทยังคงอ่อนค่า ส่วนความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยถดถอยยังมีน้อย แต่มีโอกาสเติบโตน้อยกว่าที่คาดไว้ 0.2-0.3%
กลยุทธ์ลงทุนทยอยสะสมหุ้นที่ธุรกิจได้ผ่านจุดต่ำสุด และมีแนวโน้มฟื้นตัวมี Upside สูง โดยธีมลงทุนไตรมาส 3 คือ หุ้นเปิดเมือง หุ้น Defensive หุ้น EV Healthcare ดอกเบี้ยขาขึ้น และธีมปันผลสูง
หุ้นเด่นกลุ่มต่างๆ เช่น KBANK, BBL, TTB, AOT, AAV, BA, ERW, CENTEL, MINT, SHR, CPN, CRC, BH, BDMS, BCH, ASIAN, CFRESH, GFPT, TU, AMATA, WHA, ROJNA, AP, NOBLE, ORI, SC
ส่วนน้ำมันขึ้นราคา ดีกับอุตสาหกรรมต้นน้ำ เช่น PTTEP, PTT หุ้นโรงกลั่น BCP, TOP, ESSO, SPRC หากน้ำมันราคาลง ตามเศรษฐกิจโลกชะลอ ดีกับอุตสาหกรรมที่นำน้ำมันหรือก๊าซไปใช้เป็นเชื้อเพลิง หรือ Anti Commodity เช่น หุ้น SCC, BGRIM, GPSC, SCGP, CBG, OSP, AAV, BA, EPG!!
อินเด็กซ์ 51