ปตท.เผยกำไรไตรมาส 1/65 แตะ 25,571 ล้าน ลดลง 21.5% หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 64 หลังขาดทุนประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า ที่ผ่านมาท่ามกลางสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เป็นเหตุให้อุปทานพลังงานลดลง ส่งผลต่อราคาเชื้อเพลิง ตลอดจนค่าครองชีพของประชาชนที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก
ทั้งนี้ ทำให้แต่ละประเทศต่างตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นคงด้านพลังงาน โดยเฉพาะประเทศที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานเป็นหลัก ปตท.ยังคงยึดมั่นดำเนินธุรกิจให้บรรลุพันธกิจดูแลความมั่นคงทางพลังงานของชาติ และได้ดำเนินมาตรการบริหารจัดการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รองรับความต้องการใช้ในประเทศอย่างเต็มความสามารถ
ประกอบด้วย การจัดหาน้ำมันดิบเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มปริมาณสำรอง ประสานงานโรงกลั่นในกลุ่ม ปตท. จัดเก็บน้ำมันคงคลังในระดับสูงสุด ควบคู่ไปกับการร่วมดูแลสาธารณสุขและสังคม รวมถึงสนับสนุนด้านพลังงาน เพื่อแบ่งเบาภาระของภาครัฐและประเทศในระหว่างที่ยังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 นี้ ปตท.และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 25,571 ล้านบาท ลดลง 7,017 ล้านบาท หรือ 21.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64 ที่จำนวน 32,588 ล้านบาท และลดลง 1,973 ล้านบาท หรือ 7.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 /64 ที่จำนวน 27,544 ล้านบาท
ทั้งนี้ เนื่องจากในไตรมาสนี้มีผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้นมาก โดยหลักจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ ที่ราคาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและประเทศยูเครนที่หลายประเทศมีการประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ส่งผลให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงมีภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น
แม้ว่ารายได้จากการขาย และกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ หรือ EBITDA จะเพิ่มขึ้น ตามรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นจากราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นตามราคาในตลาดโลก รวมถึงปริมาณขายโดยรวมที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ กำไรสุทธิเป็นผลการดำเนินงานรวมจากบริษัทในเครือทั้งในและต่างประเทศ โดยสัดส่วนกำไร 30% มาจากการดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของ ปตท. และ 70% มาจากผลตอบแทนการลงทุนในบริษัทในกลุ่ม ปตท.
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา ปตท.ได้จัดทำโครงการ ลมหายใจเดียวกัน กลุ่ม ปตท. ได้มีส่วนร่วมดูแลด้านสาธารณสุขและการสนับสนุนด้านพลังงาน รวมงบประมาณ 3,793 ล้านบาท
โดยปัจจุบัน ปตท. คงสถานะหน่วยวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุก จนถึงหน่วยคัดกรองโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจรที่ EnTer ตั้งแต่เปิดให้บริการเดือน ส.ค. 64 มีผู้มารับบริการแล้วมากกว่า 125,500 ราย มีผู้ป่วยที่รับเข้าระบบรักษา รวมแล้วมากกว่า 12,000 ราย
นอกจากนี้ PTT ยังได้ช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม หรือ LPG แก่ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 65 ตรึงราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ NGV ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม
รวมถึงราคาขายปลีก NGV ในโครงการ เอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน สำหรับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม ถึงกลางเดือน มิ.ย.65 เพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังร่วมขับเคลื่อนประเทศในทุกมิติ ให้คนไทยฝ่าวิกฤตินี้ไปได้ด้วยกัน.