ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 27 เม.ย.65 ปิดที่ 1,661.89 จุด ลดลง 7.08 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 76,764.75 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,303.29 ล้านบาท
หุ้นไทยลงต่อจากปัจจัยภายนอกกดดันหนัก ทั้งผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อกดดันให้เศรษฐกิจโลกและไทยชะลอตัวความเข้มงวดนโยบายการเงินและการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ขณะที่จีนเดินหน้าใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด กดดันเศรษฐกิจชะลอตัว กระทบซัพพลายเชนการผลิตทั่วโลก
บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ชี้หุ้นทั่วโลกยังกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สัปดาห์หน้า ขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง หลังล็อกดาวน์หลายเมืองมากขึ้นส่งผลให้ GDP จีนแนวโน้มลดลง กระทบ GDP โลก ถือเป็นประเด็นใหม่ที่กดดันให้มีการขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา ขณะที่เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลกลับเข้าสหรัฐฯรับเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยการลงทุนในหุ้นช่วงนี้จึงมีความเสี่ยงสูง
แนะกลยุทธ์นักลงทุนระยะกลางถึงยาวให้ชะลอดูการประชุมเฟดก่อน มองตลาดยังมีความเสี่ยงปรับลงได้อีก ส่วนนักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นรอซื้อที่แนวรับ 1,655 และ 1,650 จุด และขายที่แนวต้าน 1,666 และ 1,670 จุด
ปิดท้าย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ชี้ค่าเงินบาทอ่อนแอ หลัง Dollar Index กระชากขึ้นแรง โดยเงินบาทสัปดาห์นี้อ่อนค่า 0.9% อยู่ที่ 34.25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ YTD อ่อนค่ามาแล้ว 3.0% เป็นการอ่อนค่าต่อเนื่องจากปีก่อนที่ 7.5% แรงกดดันระยะหลังมาจาก Dollar Index ที่ปรับตัวขึ้นเร็ว รับการปรับนโยบายการเงินของเฟดจากเชิงผ่อนคลายเป็นเชิงเข้มงวดเพื่อชะลอเงินเฟ้อ
แม้เงินบาทที่อ่อนค่าจะเป็นบวกกับการส่งออกสินค้า แต่รอบนี้ ต้นทุนนำเข้าพลังงานและสินค้าทุนเร่งตัวขึ้น ขณะที่ ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวจำกัด เพราะจีนยังคงนโยบาย Zero Covid ทำให้คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะไม่สามารถพลิกเป็นบวกได้
ในทางตรงข้าม กลับกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่อาจยาวนานกว่าคาด ซึ่งการอ่อนค่าเงินบาทจะจำกัด Upside การปรับขึ้นของ SET Index และการไหลเข้าของกระแสเงินทุน ดังนั้น ยังให้ระมัดระวังการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมีและผู้นำเข้าสินค้ามาขายในประเทศ!!
อินเด็กซ์ 51