ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 เม.ย.65 ปิดที่ 1,675.33 จุด ลดลง 15.26 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 71,362.14 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 319.67 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 151 บาท ลบ 2.50 บาท, FORTH ปิด 51 บาท บวก 4 บาท, BANPU ปิด 11.60 บาท ลบ 0.30 บาท, PTTEP ปิด 144.50 บาท ลบ 1.50 บาท, THG ปิด 88.50 บาท ลบ 10.50 บาท
หุ้นไทยลงแรงตามตลาดต่างประเทศ หลังดาวโจนส์วันก่อนปิดร่วงหนักกว่า 2.82% นักลงทุนวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อสูง ขณะที่สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ กดดันราคาพลังงาน ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง
บล.เคทีบีเอสที แนะนำหุ้นได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และหุ้นที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตดี จากปัจจัยเฉพาะตัวและมี upside จากค่าเงินบาทอ่อนค่า รวมถึงราคาหุ้นยังมี upside โดยหุ้นที่แนะนำ คือ ASIAN (แนะซื้อ/เป้า 21 บาท) มีรายได้จากการส่งออก 80% และแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/65 เติบโตดี YoY
หุ้น SUN (ซื้อ/เป้า 10.70 บาท) มีรายได้จากการส่งออก 82% ของรายได้รวม หุ้น SMPC (ซื้อ/เป้า 12 บาท) กำไรสุทธิไตรมาส 1 เติบโตดี ตามทิศทางยอดส่งออกถังแก๊สเดือน ม.ค.-ก.พ.65 ที่โต 50% YoY
ขณะที่ไม่เลือกหุ้นกลุ่ม Electronic แม้ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า เนื่องจากแนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาส 1 ไม่น่าสนใจ และราคาหุ้นถูกกดดันจากราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโลกที่ลดลงจากดอกเบี้ยขาขึ้น
ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลลบจาก “เงินบาทอ่อนค่า” คือ กลุ่มสายการบิน THAI, AAV, BA ที่มีโครงสร้างต้นทุนเป็นเงินสกุลดอลลาร์ราว 60% ค่าเงินบาทอ่อนค่าจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น กลุ่มพลังงาน เนื่องจากมี negative net exposure ต่อการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ต่อเงินบาท ส่งผลให้อาจมีการบันทึก unrealized fx loss สำหรับ PTTGC-TOP-IVL แต่ผลกระทบต่อ PTTEP และ SPRC น่าจะมีจำกัดเพราะมีการใช้ USD เป็น functional currency
ส่วนกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากมีเงินกู้เป็นเงินดอลลาร์ ส่งผลให้มีการบันทึก unrealized fx loss เข้ามา แต่เป็นเพียงรายการทางบัญชี และไม่ได้มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด ทั้งนี้ หุ้นที่มี impact จากประเด็นนี้คือ GULF, BGRIM, GPSC, RATCH, GUNKUL!!
อินเด็กซ์ 51