ศรีสวัสดิ์ เตรียมขยายพอร์ตสินเชื่อรายย่อย ตั้งเป้าสินเชื่อใหม่ปี 65 โต 20-30% พร้อมจ่ายปันผลประจำปีจากผลประกอบการประจำปี 2564 ที่อัตรา 1.80 บาทต่อหุ้น
เมื่อวันที่ 25 เม.ย.65 นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD กล่าวว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 65 อนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการประจำปี 64 ให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดรวม 2,471.67 ล้านบาท ในอัตราหุ้นละ 1.80 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดให้รายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 5 พ.ค. 65 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พ.ค.65
สำหรับธุรกิจหลักจำนำทะเบียนรถยนต์ จำนำที่อยู่อาศัยและที่ดิน ยังสามารถขยายตัวได้ดี จากอานิสงส์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อในปี 2565 ขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 20-30% โดยจะผลักดันพอร์ตธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ และสินเชื่อส่วนบุคคลของ บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด หรือ SCAP เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อขยายพอร์ตให้เติบโตในระดับ Double-Digit ตามที่วางแผนไว้ โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ในปี 64 ที่ผ่านมาสามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น ปล่อยสินเชื่อได้เกินเป้าหมายที่ระดับ 5,000 ล้านบาท และปี 65 นี้วางเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่กว่า 10,000 ล้านบาท พร้อมศึกษาและเตรียมเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตแบบก้าวกระโดด
นอกจากนี้ บริษัทได้เดินหน้าธุรกิจนายหน้าประกันชีวิตและวินาศภัยมาตั้งแต่ปี 2564 ช่วยเสริมความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างโดดเด่นตามนโยบายความหลากหลายทางธุรกิจ ไม่พึ่งพิงธุรกิจใดเพียงธุรกิจเดียว สนับสนุนให้บริษัทมีบริการครบวงจรตั้งแต่การเช่าซื้อ จำนำทะเบียน และประกันภัย
ขณะเดียวกันได้เสริมทัพความแข็งแกร่งในธุรกิจสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบซื้อก่อน จ่ายทีหลัง เพื่อดันรายได้และพอร์ตสินเชื่อให้เติบโตตามเป้า นับเป็นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ในธุรกิจด้านสินเชื่อของ SAWAD ให้หลากหลาย เพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
"ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด เราข้าใจถึงความจำเป็นในยามคับขันที่ส่งผลให้ดีมานด์ในการขอสินเชื่อของบริษัทเพิ่มขึ้น แต่ไม่อยากให้กังวลเพราะที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มความเข้มงวดและระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงได้ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาเพื่อปรับกลยุทธ์การรับมือและติดตามลูกหนี้ ทำให้สามารถควบคุมหนี้ NPL ได้เป็นอย่างดี โดยสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 3.71% ลดลงจากก่อนหน้านี้และเป็นระดับที่บริษัทสามารถบริหารจัดการได้ แต่จากการประเมินสถานการณ์ในช่วงถัดไปเชื่อว่า NPL ของบริษัทจะมีแนวโน้มลดลงอีก แม้ว่าบริษัทจะวางเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นในปีนี้ก็ตาม"