ttb จ่ายปันผลอีก 0.038 บาท พร้อมออกวอร์แรนท์ TTB-W1 ให้ผู้ถือหุ้นเดิม

ทีเอ็มบีธนชาต เตรียมจ่ายเงินปันผล 0.038 บาทต่อหุ้น ออกวอร์แรนท์ TTB-W1 ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม โดยไม่คิดมูลค่า หลังได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 65 นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ttb กล่าวว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 65 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้ธนาคารจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 64 ในอัตรา 0.038 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีมูลค่าทั้งสิ้น 3,672 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 47% จากกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะ เพิ่มขึ้นจากอัตรา 34% ในปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายที่ 35% จากกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม

ทั้งนี้ เป็นไปตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้ประกาศผ่อนคลายนโยบายการจ่ายเงินปันผลของสถาบันการเงิน โดยได้ยกเลิกการกำหนดเพดานการจ่ายเงินปันผลที่ไม่ให้จ่ายเกินอัตราในอดีต เนื่องจากได้ประเมินแล้วว่าธนาคารพาณิชย์มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็ดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบ มีการตั้งสำรองและสะสมเงินกองทุนเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด

นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังมีมติอนุมัติการออกวอร์แรนท์โดยธนาคารจะดำเนินการออกวอร์แรนท์ TTB-W1 ในจำนวนไม่เกิน 966,228,745 หน่วย หรือไม่เกิน 1% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วของธนาคาร และจะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมโดยไม่คิดมูลค่า ในอัตราส่วน 100 หุ้นสามัญต่อ 1 วอร์แรนท์ ซึ่งวอร์แรนท์ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ในราคาใช้สิทธิ 0.95 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ ธนาคารได้กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XW ในวันที่ 21 เม.ย. 65 เพื่อที่จะดำเนินการจัดสรร TTB-W1 ให้กับผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในช่วงเดือน พ.ค. 65 และคาดว่า TTB-W1 จะสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเดือน มิ.ย. 65 ในส่วนของการใช้สิทธิ TTB-W1 เพื่อซื้อหุ้นสามัญ TTB นั้น สามารถทำได้ทุกสิ้นไตรมาส ตลอดระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นอายุของวอร์แรนท์ โดยผู้ถือหุ้นสามารถสอบถามรายละเอียดการใช้สิทธิ TTB-W1 เพิ่มเติมได้ที่ บล. ธนชาต

อย่างไรก็ตาม การออกวอร์แรนท์ TTB-W1 ในครั้งนี้ธนาคารมองว่าเป็นประโยชน์และช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นของธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบราคาใช้สิทธิที่ 0.95 บาทต่อหุ้น กับราคาหุ้น TTB ที่ซื้อขายในปัจจุบัน ซึ่งจุดประสงค์หลักของธนาคารในการออกวอร์แรนท์ไม่ได้เป็นเรื่องของการเพิ่มทุน

เพราะฐานเงินทุนของธนาคารในปัจจุบันอยู่ในระดับสูง แต่มองว่าเป็นโอกาสในการใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นที่จะช่วยเพิ่มทางเลือกให้ธนาคารสามารถปรับใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้ตามภาวะเศรษฐกิจ เพื่อให้การจัดหาเงินทุนมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต.