สงครามรัสเซีย-ยูเครนถล่มตลาดหุ้นโลกลุกเป็นไฟ เผยหุ้นไทยดิ่งกว่า 50 จุด “ไพบูลย์” ชี้ยังประเมินสถานการณ์ยาก ระยะสั้นเสี่ยงสุด แต่ยังมั่นใจหุ้นไทยปีนี้ยังขาขึ้นได้ถึง 1,800 จุด ขณะที่ราคาทองคำโลกพุ่งกระฉูดดันราคาทองในประเทศ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มองหากสงครามยืดเยื้อมีโอกาสขึ้นไปแตะ 31,500 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งหุ้นไทยปรับตัวลงอย่างรุนแรง หลังสงครามรัสเซียยังคงเดินหน้าถล่มยูเครน แม้สหรัฐฯและชาติตะวันตกพากันบอยคอต แต่ไม่อาจหยุดการโจมตีของรัสเซียได้ หลังรัสเซียปฏิบัติการแบบพิเศษส่งกำลังทหาร เข้าไปยังยูเครนเพิ่มขึ้น โดยตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดมาปรับตัวลงทันทีร่วม 20 จุด และปรับตัวดิ่งลงต่อเนื่อง นักลงทุนพากันเทขายหุ้นหนีตาย กดดัชนีลงไปต่ำสุดที่ 1,616.08 จุด ลดลง 55.64 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ 1,626.70 จุด โดยยังคงลดลง 45.02 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 127,806.20 ล้านบาท
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรงมาจากความกังวลและแรงกดดันจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ในระยะเฉพาะหน้านี้ ไม่มีใครคาดการณ์ได้ จึงสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง
“นักลงทุนที่เน้นเก็งกำไรระยะสั้นต้องระมัดระวังให้มาก อย่ารีบร้อนเข้าลงทุน ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว หากไม่รวมเรื่องของราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้น มองว่าตลาดหุ้นไทย รวมถึงตลาดเอเชียจะมีผลกระทบไม่มาก และยังมีอัปไซด์หรือโอกาสปรับตัวขึ้นได้ จึงยังคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ไว้ที่ 1,800 จุด แต่หากราคาน้ำมันปรับขึ้นไปมากกว่านี้ หรือสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ รุนแรง ยาวนาน รวมถึงกรณีเงินเฟ้อและราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ต้องมาทบทวนกันอีกครั้ง และในระยะสั้นดัชนีหุ้นจะปรับตัวลงหลุดระดับ 1,600 จุดหรือไม่นั้น หากตลาดหุ้นโลกหรือหุ้นต่างประเทศลงมาก ตลาดหุ้นไทยก็จะไปในทิศทางเดียวกับตลาดอื่นๆ”
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำในประเทศไทย
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ปรับขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รับซื้อที่บาทละ 30,800 บาท ขายออกที่ 30,900 บาท ทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้เมื่อ 7 ส.ค.2563 ที่ 30,400 บาท แนวโน้มราคาจะไปต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสงครามจะรุนแรงเพียงใด ถ้ารุนแรงขึ้น มีโอกาสปรับขึ้นได้อีก แต่ถ้ายุติราคาก็ปรับตัวลงเร็ว ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าในตลาด COMEX อยู่ที่ 1,982 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ ถ้าสถานการณ์รุนแรงมีโอกาสทะลุ 2,000 ดอลลาร์ ซึ่ง Gold Spot ได้ปรับตัวขึ้นไปแตะ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์แล้ว
นายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหารกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ หรือแม่ทองสุก กล่าวว่า หากสงครามยืดเยื้อราคาทองคำจะขึ้นเร็วและแรง แต่ถ้าสงครามจบราคาก็จะปรับลง ขณะที่ราคาทองคำไทยที่ทำนิวไฮไปที่บาทละ 30,800 บาท เป็นผลจากราคาทองคำโลกที่สูงขึ้นและเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ซื้อทองแพงขึ้น หากเงินบาทอ่อนค่าลงต่อ ก็จะเห็นราคาทองปรับขึ้นได้ต่อไป ซึ่งทองคำมีโอกาสขึ้นไปแตะบาทละ 31,500 บาท ส่วนราคาทองในตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มทะลุ 2,000 ดอลลาร์ ทดสอบที่ 2,072 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาสูงสุดเดิม
นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาด เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.) ที่ระดับ 32.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนหน้า ปิดตลาดที่ 32.69 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนกระเตื้องมายืนที่ 32.87 บาทต่อดอลลาร์ สัปดาห์นี้มีโอกาสทะลุ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ และมีกรอบเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.50-33.20 บาทต่อดอลลาร์
ขณะที่บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงในรอบหลายปี โดยน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 14 ปี อยู่ที่ 115.68 เหรียญฯต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี อยู่ที่ 118.11 เหรียญฯต่อบาร์เรล ส่วนดูไบอยู่ที่ 108.99 เหรียญฯต่อบาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ ปิดตลาดเมื่อวันที่ 4 มี.ค. เบนซิน ที่ 127.97 เหรียญฯต่อบาร์เรล และดีเซล 136.22 เหรียญฯต่อบาร์เรล.