SIRI อวดผลงาน 9 เดือน ปี 64 เก็บกำไร 9 เดือน 1,674 ล้านบาท โต 54% จากรอบเดียวกันของปี 63 มั่นใจผลงานตามเป้า จากการมี Secured Revenue แล้วถึง 93% จากเป้ารายได้ 27,600 ล้านบาท
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า ผลประกอบการในรอบ 9 เดือน ของปี 64 บริษัทมีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ) 1,674 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% จากรอบเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,085 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7.6% ของรายได้รวม โตขึ้นจากรอบเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 4.1% ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมาก ของอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายโครงการที่อยู่อาศัย โดยไตรมาสที่ 3/64 แสนสิริ และบริษัทย่อยบันทึกกำไรสุทธิเท่ากับ 628 ล้านบาท
นอกจากนี้แสนสิริยังมียอดขายถึง 28,400 ล้านบาท คิดเป็น 92% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท และยอดโอนโครงการรวมทั้งแนวราบและแนวสูงถึง 25,100 ล้านบาท หรือคิดเป็น 81% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมในสัดส่วน 55 : 45
โดยไตรมาสสุดท้ายของปี 64 บริษัทยังมียอดโอนต่อเนื่องจากคอนโดมิเนียมเอดจ์ เซ็นทรัล-พัทยา และดีคอนโด ไฮด์อเวย์-รังสิต รวมถึงการเตรียมโอนคอนโดมิเนียม เดอะไลน์ พหลโยธิน พาร์ค โครงการร่วมทุนระหว่างแสนสิริ และ บีทีเอส กรุ๊ป อาคาร B จำนวน 880 ยูนิต ในวันที่ 3-5 ธ.ค. 64 นี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลงานที่ดีต่อเนื่องในช่วงไตรมาสสุดท้าย รองรับการรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้
ส่วนรายได้รวมในรอบ 9 เดือน ปี 64 แสนสิริมีรายได้ 22,097 ล้านบาท เป็นรายได้เฉพาะไตรมาส 3 อยู่ที่ 7,229 ล้านบาท มาจากรายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยว ขณะที่รายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมมาจาก 3 โครงการก็ได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ล่าสุดแสนสิริยังมี Secured Revenue หรือรายได้ในมือที่รองรับแล้วถึง 93% จากเป้าหมายรายได้จากการขายที่วางไว้ 27,600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้
นายอุทัย กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปี 2564 นับว่ามีแนวโน้มที่ดีจากปัจจัยหนุน ทั้งการผ่อนคลายมาตรการ LTV ที่นับเป็นการปลดล็อกตลาดอสังหาริมทรัพย์และเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคักขึ้น เนื่องจากวงเงินของลูกค้าสามารถกู้ได้สูงขึ้น รวมถึงทิศทางที่ดีจากการเปิดประเทศ ที่คาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว และนับเป็นไตรมาสที่สำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากการที่ลูกค้าจะมองหาและตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ โดยแสนสิริเตรียมความพร้อมรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 7 โครงการ มูลค่ารวม 4,600 ล้านบาท รับสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น แบ่งเป็น 4 คอนโดมิเนียม มูลค่ารวม 2,100 ล้านบาท และ 3 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท รองรับความต้องการทุกเซกเมนต์และตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการมีบ้านของคนทุกกลุ่ม
ส่วนอีกหนึ่งแผนธุรกิจที่สำคัญในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 64 คือการเปิดตัว The Standard, Hua Hin หรือ เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน ที่มี Standard International Management, LLC บริษัทแม่ของโรงแรม The Standard และแสนสิริ เป็นผู้ถือหุ้นหลัก 62% ซึ่งเป็นรีสอร์ตติดชายหาดแห่งแรกของแบรนด์ในประเทศไทย โดยมีห้องพัก 178 ห้อง พูลวิลล่า 21 หลัง ติดหาด โดยวางเป้าให้ เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน เป็นจุดหมายที่ไม่เคยตกยุคสำหรับกลุ่มลูกค้าคนไทยผู้ชื่นชอบการพักผ่อนอย่างสร้างสรรค์และกลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนคลับของ The Standard ทั่วโลก กำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 1 ธ.ค. 64 นี้.