BBL เผยผลประกอบการ 9 เดือนของปี 64 กำไรสุทธิ 20,189 ล้านบาท

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

BBL เผยผลประกอบการ 9 เดือนของปี 64 กำไรสุทธิ 20,189 ล้านบาท

Date Time: 22 ต.ค. 2564 08:30 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • ธนาคารกรุงเทพ รายงานผลประกอบการสำหรับ 9 เดือนปี 64 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 20,189 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.6% จากช่วงเดียวกันของปี 63

Latest


ธนาคารกรุงเทพ รายงานผลประกอบการสำหรับ 9 เดือนปี 64 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 20,189 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.6% จากช่วงเดียวกันของปี 63 

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 64 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL ได้ประกาศผลประกอบการ 9 เดือนของปี 64 ดังนี้ ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 20,189 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 4.6% จากการรวมรายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารเพอร์มาตาตั้งแต่เดือน พ.ค. 63 รวมถึงการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากการบริหารต้นทุนเงินรับฝาก โดยมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ 2.10%

สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 27.6% ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลักทรัพย์ ค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อ รวมถึงกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไร หรือขาดทุนเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด

ส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 4.6% ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงเป็น 48.4% โดยธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังในการตั้งสำรอง โดยพิจารณาปัจจัยผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกรุงเทพยังคงดำรงฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ เพื่อรองรับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้าและยังคงมีความไม่แน่นอน ณ สิ้นเดือน ก.ย. 64 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,523,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% จากสิ้นปี 63 จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ

สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.7% โดยธนาคารยังคงตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้าและยังคงมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 198.9%

ทั้งนี้ ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือน ก.ย. 64 จำนวน 3,124,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% จากสิ้นปี 63 เป็นผลจากการที่ลูกค้ายังคงต้องการดำรงสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงในภาวะที่มีความไม่แน่นอน ทำให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 80.8%

นอกจากนี้ ในเดือน ก.ย. 64 ธนาคารออก หุ้นกู้ด้อยสิทธิ อายุ 15 ปี ที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ภายใต้หลักเกณฑ์ Basel III จำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างโครงสร้างเงินกองทุนของธนาคารให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

โดย ณ สิ้นเดือน ก.ย. 64 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 19.7 ร้อยละ 16.1 และร้อยละ 15.3 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

นอกจากนี้ ธนาคารกรุงเทพ ยังมองอีกว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และจากมาตรการปิดเมืองที่เข้มงวดของรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้การบริโภคและการใช้จ่ายภาคเอกชนปรับตัวลดลงตามกำลังซื้อที่อ่อนแอ แม้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาช่วยชดเชยรายได้และพยุงกำลังซื้อไว้บางส่วน

นอกจากนี้ เศรษฐกิจโดยรวมยังได้รับผลจากข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับต่ำ และจากการส่งออกของไทยที่เริ่มชะลอตัวตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้า ซึ่งชะลอลงตามการระบาดในต่างประเทศที่มีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยช่วงต้นเดือน ก.ย. หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลงและสัดส่วนของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเพิ่มขึ้นตามลำดับ รัฐบาลจึงเริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองบางส่วน ทำให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นบ้าง

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยในระยะต่อไป จะยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยนโยบายสนับสนุนของภาครัฐจะมีส่วนสำคัญในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประคับประคองให้ทุกภาคส่วนสามารถฟื้นตัวจากวิกฤติได้

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพได้สนับสนุนมาตรการของภาครัฐและดำเนินการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งดูแลลูกค้าอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกค้าแต่ละราย ครอบคลุมทั้งลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ขณะเดียวกันธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งอีกด้วย.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์