หุ้นกลุ่มอินทัชขึ้นยกแผง รับบอร์ดกัลฟ์พาเหรดยึดเก้าอี้ โดยมี “สารัชถ์ รัตนาวะดี” นำทีมมาเอง ด้าน “ชัยวุฒิ” เสนอ ครม.อนุมัติให้อินทัชขยับสัดส่วนหุ้นที่ถือในไทยคมเป็นไม่น้อยกว่า 51% จากเดิม 40% ถือโอกาสปัดกวาดเช็ดถูโค้งสุดท้ายก่อนสัมปทานดาวเทียมไทยคมสิ้นสุดวันที่ 10 ก.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ บมจ. อินทัช โฮลดิ้ง (INTUCH) ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2564 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ หลังจากที่บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้ทยอยซื้อหุ้นอินทัชและขยับสู่การเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ในสัดส่วน 42.45% นั้น
โดยได้มีการแต่งตั้งกรรมการ 8 คน เข้าดำรงตำแหน่งแทนกรรมการที่ลาออก 7 คน และตั้งกรรมการเพิ่มอีก 1 คน ประกอบด้วยกรรมการตัวแทนผู้ถือหุ้นทางฝั่งกัลฟ์ 4 คน คือ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี (ซีอีโอกัลฟ์) นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ นางสาวบังอร สุทธิพัฒนกิจ และนายสมิทธ์ พนมยงค์ และกรรมการอิสระ 4 คน คือ นายกานต์ ตระกูลฮุน นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล นายคณิต วัลยเพ็ชร และนางวรางค์ ไชยวรรณ โดยให้เตรียมเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นโหวตอนุมัติในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ทำให้ราคาหุ้น INTUCH ซื้อขายคึกคักเพิ่มขึ้นไปสูงสุดของวันที่ 90.75 บาทบวก 4 บาท หุ้น บมจ.แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) เพิ่มขึ้น 6 บาท มาปิดตลาดที่ 197.50 บาท และ บมจ.ไทยคม (THCOM) ราคาเพิ่มขึ้น 1.60 บาท มาปิดที่ 12 บาท ระหว่างวันขึ้นไปสูงสุดที่ 12.70 บาท
โดยสำหรับกรณีไทยคม ราคาหุ้นยังเป็นการปรับขึ้นรับข่าวที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้อินทัชต้องถือหุ้นในไทยคมไม่น้อยกว่า 51% ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนรัฐ-เอกชน 2562 และให้มีการแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมให้ดาวเทียมไทยคม4 (ไอพีสตาร์) ผนวกเข้ามาเป็นดาวเทียมภายใต้สัญญา โดยนางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. มีมติ 3 เรื่อง ดังนี้ 1.เห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เสนอให้อินทัชถือหุ้นในไทยคมไม่ต่ำกว่า 51% จากที่ก่อนหน้านี้ในสมัย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.ไอซีที ได้อนุมัติให้ชินคอร์ป (เปลี่ยนชื่อเป็นอินทัชในภายหลัง) ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเป็นไม่ต่ำกว่า 40%
2.กรณีการอนุมัติโครงการดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) เห็นควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญา โดยกำหนดให้ดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) ผนวกเข้ามาเป็นดาวเทียมภายใต้สัญญา และ 3.เห็นชอบให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ดำเนินการตั้งคณะทำงานในการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการดำเนินการที่ผ่านมาว่าเกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งกำหนดแนวทางแก้ไขและผู้รับผิดชอบ เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาต่อไป
ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต ต้องทำให้ครบถ้วนตามกระบวนการ บางเรื่องไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาลปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าตนเพิ่งจะได้เข้ามารับตำแหน่งไม่นานก็จะมีเรื่องเก่าๆหลายเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลในอดีตได้ทำไปแล้วและได้จบไปแล้ว บางทีการรื้อฟื้นก็ทำได้ยากผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครม.ใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้ นานกว่า 40 นาที โดยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ ห่วงว่าจะเป็นการทำผิดให้เป็นถูก เพราะสัญญาดังกล่าวผิดวัตถุประสงค์โครงการมาตั้งแต่แรก เช่นเดียวกับ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ค้านว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ การให้ความเห็นชอบโดยที่ไม่เห็นรายละเอียด ในสัญญาอาจทำให้มีปัญหา อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า สัมปทานดาวเทียมของไทยคมซึ่งกินระยะเวลา 30 ปีนั้น กำลังจะสิ้นสุดสัญญาลงในวันที่ 10 ก.ย.2564 นี้แล้ว.