กลุ่มฮาร์ดไลน์ และออมนิแชนแนล หนุนรายได้เซ็นทรัล รีเทล Q2/64 โต12%

CRC เผยผลประกอบการไตรมาส 2/64 มีรายได้ 46,376 ล้านบาท โต 12% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 63 ชี้กลุ่มฮาร์ดไลน์ และออมนิแชนแนลทำนิวไฮ 

เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 64 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/64 เซ็นทรัล รีเทล เติบโตขึ้น โดยมีรายได้รวม 46,376 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 63 และมี EBITDA 4,088 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 218% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 63 และขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 426 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง 83% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 63

สำหรับนิวไฮของธุรกิจเซ็นทรัล รีเทล ในไตรมาสที่ 2/64 ประกอบด้วย 1. การเติบโตอย่างมีศักยภาพของธุรกิจฮาร์ดไลน์ ที่นับได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่มีการก่อตั้ง เซ็นทรัล รีเทล มา โดยเติบโตเป็นอันดับหนึ่งจากทุกกลุ่ม ทั้งด้านรายได้รวม EBITDA และกำไรสุทธิ ทั้งยังมีสัดส่วนยอดขายเพิ่มสูงขึ้นจาก 32% เป็น 39% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 63

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการทำตามกลยุทธ์เชิงรุกที่ได้ตั้งเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการควบรวม บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) หรือ COL ที่ทำให้ธุรกิจฮาร์ดไลน์สามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว และขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่ม B2B รวมถึงการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องของไทวัสดุ ซึ่งได้เปิดให้บริการไปแล้ว 4 สาขาในปีนี้ และจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาภายในสิ้นปี นอกจากนี้ยังเตรียมแผนที่จะขยายไทวัสดุไปยังประเทศเวียดนามอีกด้วย

2. การเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ ของแพลตฟอร์มออมนิแชนแนล อาทิ บริการ Personal Shopper ผู้ช่วยช็อปส่วนตัวสำหรับลูกค้าทุกคน ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ตั้งแต่ห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงซุปเปอร์มาร์เก็ต, การเพิ่มจำนวนสาขาของท็อปส์ที่ให้บริการ ควิกคอมเมิร์ซ และการเปิดตัวแอปพลิเคชัน GO! ของธุรกิจฟู้ดในประเทศเวียดนาม

นอกจากนี้ยังเห็นความสำเร็จของ CENTRAL App ซุปเปอร์แอปพลิเคชันที่เป็น One-stop Shopping รวมสินค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล ครบจบในที่เดียว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมบริการช็อปส่งไวถึงมือภายใน 3 ชั่วโมง โดยปัจจุบัน CENTRAL App มียอดดาวน์โหลดแล้วกว่า 2.7 ล้านดาวน์โหลด ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากการเปิดตัวครั้งแรกในเดือน ธ.ค. 63

3. การขยายธุรกิจ Property มีการขยาย ปรับปรุง และเปลี่ยนโฉมสาขาอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ โดยในประเทศเวียดนาม ได้เปิดศูนย์การค้า GO! สาขาท้ายเหงียนในเดือนเมษายน และยังเตรียมเปิด GO! สาขาใหม่อีก 2 แห่ง ภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 นี้

นายญนน์ กล่วอีกว่ ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 คือ เครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงกลยุทธ์เชิงรุกในการดำเนินธุรกิจและการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ โดยในครึ่งปีหลังเราจะยังคงเน้นการเติบโตและการขยายธุรกิจผ่านการลงทุน การควบรวม และการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการจัดการวิกฤติโควิด-19

รวมถึงมีมาตรการดูแลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ทั้งพนักงาน, ลูกค้า, คู่ค้า, ผู้ถือหุ้น และชุมชน ตลอดจนยกระดับมาตรฐานด้านสาธารณสุขในการให้บริการอย่างเคร่งครัด ทำให้เราเชื่อมั่นว่าเมื่อประเทศไทยสามารถเปิดประเทศ และเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว เซ็นทรัล รีเทล จะเป็นรายแรกๆ ที่สามารถกลับมาเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม