TTA ได้อานิสงส์ตลาดสินค้าแห้งเทกองขาขึ้น Q2/64 โชว์กำไรสุทธิ 530.3 ล้าน

TTA ได้อานิสงส์จากตลาดสินค้าแห้งเทกองขาขึ้น เผยผลประกอบการไตรมาส 2/64 กำไรสุทธิ 530.3 ล้านบาทสูงเป็นประวัติการณ์

เมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 ที่ผ่านมา นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA กล่าวว่า ผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2/64 บริษัทมีรายได้ 5,125.8 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 49% จากไตรมาส 1/64 และเพิ่มขึ้น 74% จากช่วงเดียวกันของปี 63 ก่อน ส่วนกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติส่วนที่เป็นของ TTA ในไตรมาสที่ 2/64 อยู่ที่ 652.8 ล้านบาท และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA เท่ากับ 530.3 ล้านบาท นับว่าปรับตัวดีขึ้น 180% จากไตรมาส 1/64 ก่อน และ 320% จากช่วงเดียวกันของปี 63

ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ มีสัดส่วนรายได้ 52% กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง มีสัดส่วนรายได้ 15% กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร มีสัดส่วนรายได้ 17% กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มมีสัดส่วนรายได้ 11% และกลุ่มการลงทุนอื่นๆ มีสัดส่วนรายได้ 5% โดยกำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 80% จากไตรมาส 1/64 หรือ 191% จากช่วงเดียวกันของปี 63 เป็น 1,417.3 ล้านบาท ส่วน EBITDA เติบโต 105% จากไตรมาส 1/64 และเติบโต 1,179% จากช่วงเดียวกันของปี 63 ที่เป็น 1,013.0 ล้านบาท  

นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ตลาดบริการขนส่งสินค้าแห้งเทกองฟื้นตัวตั้งแต่ต้นปี 64 และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสต่อไปนอกจากนี้ยังคาดการณ์กันว่า ปริมาณการค้าสินค้าแห้งเทกองจะเติบโตร้อยละ 4.6 ในหน่วยตัน-ไมล์

ขณะที่การขยายตัวของกองเรือยังมีจำกัดและอาจจะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 3.3 ในหน่วยเดทเวทตัน ทั้งนี้ ความต้องการสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถ่านหิน และแร่เหล็ก จะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยสนับสนุนให้ตลาดสินค้าแห้งเทกองเติบโตได้ดีต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3/64

ส่วนระดับค่าระวางเรือและรายได้จากอัตราค่าระวางเรือก็จะสร้างสถิติใหม่ อีกทั้งปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจเรือเทกองยังคงมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องไปจนถึงปี 65 โดยคาดการณ์การเติบโตของปริมาณการค้าสินค้าแห้งเทกองอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2 เทียบกับการขยายตัวของกองเรือที่ร้อยละ 1.4

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังครองตำแหน่งในผู้ให้บริการเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองชั้นนำระดับโลก ที่มีผลการบริหารต้นทุนดี สำหรับธุรกิจบริการนอกชายฝั่งนั้น คาดว่างานติดตั้งและรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมและท่อขนส่งปิโตรเลียมในแถบอ่าวไทยจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นในช่วง 10 ปีต่อจากนี้

ทั้งนี้ ทางเมอร์เมด มาริไทม์ มีทีมงานบุคลากรชาวไทยที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ที่พร้อมจะให้บริการงานวิศวกรรมก่อสร้างและงานปฏิบัติการนอกชายฝั่งแก่บริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศไทยและในภูมิภาค แต่จากสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจทั้งในไทยและทั่วโลกยังคงมีปัจจัยไม่แน่นอน