บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยโชว์กำไรไตรมาส 1 ปี 64 อู้ฟู่ มีกำไรจากการดำเนินงาน 394,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรสุทธิ 257,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 229.81% จากราคาน้ำมันที่กลับสู่ภาวะปกติและรับมือ COVID–19 ได้ดีขึ้น ขณะที่ บจ.ใน mai ไม่น้อยหน้ามีกำไรสุทธิเติบโต 601.3%
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯจำนวน 727 บริษัท คิดเป็น 96.2% จากทั้งหมด 756 บริษัท นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 64 สิ้นสุด 31 มี.ค.64 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 549 บริษัท คิดเป็น 75.5% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด โดยไตรมาส 1 ปี 64 บจ. มียอดขายรวม 2,937,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก 394,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.92% และกำไรสุทธิ 257,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229.81% โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ มีรายได้ กำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ได้อานิสงส์จากกลุ่มประเทศ OPEC ลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นน้ำมันปรับสูงขึ้น ส่วนกลุ่ม บจ. อื่นๆ แม้ยอดขายทรงตัวจาก COVID-19 แต่มีการปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ได้ดี จากการบริหารต้นทุนการผลิตและการจัดการ ทำให้ทั้งกำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
“ไตรมาส 1 ปี 64 ราคาน้ำมันปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์มีกำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 63 ที่มีภาวะสงครามราคาน้ำมัน นอกจากนี้ สำหรับ บจ.อื่น ที่มีผลประกอบการดีและมีกำไรปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่หมวดธุรกิจการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับยางพาราและน้ำมันปาล์ม หมวดธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ และหมวดธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ยังคงมีความต้องการสินค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหมวดธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดธุรกิจยานยนต์ที่เริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามในหมวดธุรกิจบริการยังคงได้รับผลกระทบอยู่” นายแมนพงศ์กล่าว
ด้านนายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 172 บริษัท คิดเป็น 97% จากทั้งหมด 181 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 18 พ.ค.64) นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.64 พบ บจ. ที่มีผลกำไรสุทธิ 122 บริษัท คิดเป็น 71% ของบริษัทที่นำส่งผลการดำเนินงานทั้งหมด โดยมียอดขายรวม 45,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีต้นทุนรวม 34,858 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 22.3% เป็น 22.6% เป็นผลจากการบริหารต้นทุนขายและการบริหารที่มีประสิทธิภาพ ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.8% คิดเป็นอัตรากำไรจากการดำเนินงาน เพิ่มจาก 5.2% เป็น 7.0% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิรวม 2,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 601.3% ซึ่งมีผลจากรายการพิเศษของบางบริษัทด้วย
“ผลการดำเนินงานไตรมาสแรก ปี 2564 ของ บจ. mai ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งยอดขายและกำไร แม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดย บจ. มีการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีกำไรสุทธิเติบโตขึ้น” นายประพันธ์กล่าว.