ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 เม.ย.64 ปิดที่ 1,574.91 จุด บวก 25.95 จุดมีมูลค่าซื้อขาย 87,452.88 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3,159.50 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด INTUCH ปิด 63 บาท บวก 4.50 บาท, DELTA ปิด 399 บาท บวก 27 บาท, KBANK ปิด 137 บาท บวก 2.50 บาท, SAWAD ปิด 83.50 บาท บวก 1.25 บาท, CPF ปิด 29.75 บาท บวก 0.25 บาท
หุ้น INTUCH บวกแรงหลัง GULF แจ้งตลาดฯ ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ราคาหุ้นละ 65 บาท หวังทรานฟอร์มธุรกิจสู่ “ดิจิทัลอินฟราสตรัค-เจอร์” ผู้บริหารคุยพร้อมทุ่มเงินซื้อ โดยมีแบงก์ทั้งในและต่างประเทศเสนอตัวให้เงินกู้ คาดดอกเบี้ยกู้ต่ำกว่า 3% ไม่เป็นภาระ เพราะแค่รอรับปันผลจาก INTUCH ก็คุ้มกับที่จ่ายดอกเบี้ยแล้ว ยืนยันไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนให้เป็นภาระผู้ถือหุ้นแน่นอน!!
บล.บัวหลวงแนะ “ซื้อ” หุ้น GULF ให้ราคาเป้าหมาย 45 บาท ระบุ คาด GULF จะรายงานกำไรที่น่าประทับใจตั้งแต่ 1Q21 และตลอดทั้งปี โดยคาดกำไร 1Q21 ที่ 2.06 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 122% YoY และเพิ่มขึ้น 66% QoQ เพราะได้ dividend จาก INTUCH แต่จะมี Fx loss ส่งผลให้กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1.35 พันล้านบาท และรวม 2Q21 คาดมีกำไร 1.47 พันล้านบาท โต 49% แต่ลดลง 28% QoQ (เพราะไม่มีปันผล INTUCH) นอกจากนี้ GULF ยังมีโอกาสปรับกำไรขึ้นได้อีกจากการซื้อ INTUCH เพิ่ม!!
บล.ทรีนีตี้ ประเมินว่า GULF ต้องการเพียงหุ้น INTUCH เท่านั้น เพราะราคาที่เสนอซื้อสูงกว่าในกระดาน ขณะที่ราคาเสนอซื้อ ADVANC ต่ำกว่ากระดานมาก ดังนั้นบริษัทจึงน่าจะใช้เงินเพียง 1.7 แสนล้านบาท
ถ้าคิดดอกเบี้ยที่ 2% ต้องมีดอกเบี้ยจ่าย 3.4 พันล้านบาทที่เพิ่มขึ้น แต่เงินปันผลจาก INTUCH แต่ละปีที่จ่าย 3.5-3.8 พันล้านบาท เพียงพอกับภาระที่เพิ่มขึ้น ราคา INTUCH น่าจะปรับขึ้นตามราคา Tender
ด้าน บล.เคทีบีเอสที โดยประเมินว่า GULF ไม่ต้องซื้อหุ้น ADVANC เนื่องจากราคา tender offer ไม่ดึงดูด ปัจจุบัน GULF ถือหุ้น INTUCH 19% คาดใช้เงินราว 1.0-1.4 แสนล้านบาท ในการถือหุ้น INTUCH เพิ่มอีก 60-80% ซึ่งจะทำให้ Net D/E อยู่ที่ 3.0-3.5X ความเสี่ยงในการเพิ่มทุนต่ำ นอกจากนี้ หากรวมงบ INTUCH (Net D/E 0.03X) เข้ามาจะทำให้ Net D/E ของ GULF ลงไปต่ำกว่า 2.5 เท่า ทำให้ยังเปิดโอกาสสำหรับการขยายธุรกิจอื่นได้อีก
และประเมินว่าจะสร้าง upside ให้กำไรปกติของ GULF อีก 0.8–1.0 หมื่นล้านบาทต่อปี (กำไรปกติ GULF ปี 63 อยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท)!!
อินเด็กซ์ 51