บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ช่วงที่ตลาดหุ้นไทยหยุดทำการ เนื่องในวันมาฆบูชา ปรากฏว่าตลาดหุ้นโลกค่อนข้างปั่นป่วน เริ่มตั้งแต่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงหนักทั้ง 3 ตลาด โดยเฉพาะดัชนีหุ้นเทคโนโลยี NASDAQ (-3.52%) เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นระหว่างชั่วโมงการซื้อขายไปแตะ 1.6% ก่อนจะลดระดับลงมาแกว่งตัวที่ 1.48%
ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงรับกระแสเชิงลบด้วยเช่นกัน และพักฐานแรงราว 1-4% แต่เป็นที่สังเกตว่า ตลาดหุ้นกลุ่ม TIP คือ ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปรับตัวลงเพียง 1% ถือว่าน้อยกว่าค่าเฉลี่ย และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปรับตัวขึ้นสวนกระแสราว 0.6%
สำหรับตลาดหุ้นไทยให้ดูทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ หาก Rebound ได้ น่าจะช่วยพยุง Sentiment ของ SET INDEX ที่จะกลับมาเปิดทำการ วันจันทร์หน้าดูดีกว่าตลาดเอเชียโดยรวม
ส่วน บล.กรุงศรี คาด SET ฟื้นตัวขึ้น 1,500-1,510 จุด จากแรงหนุนคำแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไป รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นหลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลง
นอกจากนี้ MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุน 2 หุ้นบิ๊กแคปเงินไหลเข้ารวม 4.75 พันล้านบาท OR เงินเข้า 3,885 ล้านบาท ส่วน GULF 870 ล้านบาท แต่จะมีความผันผวนจาก MSCI Rebalance ลดน้ำหนักหุ้นไทยลง 0.01% (ราว 1,200 ล้านบาท) โดยหุ้นใหญ่ที่ถูกปรับลดน้ำหนัก นำโดย PTT, CPALL, SCC, AOT, ADVANC, BDMS, KBANK, PTTEP, PTTGC, BBL-F, INTUCH และ DELTA
บล.หยวนต้ายังได้ออกบทวิเคราะห์ แนะซื้อหุ้น BCH ระบุว่า BCH รายงานกำไรสุทธิ 4Q63 ที่ 279 ล้านบาท (-33%QoQ, +16%YoY) ต่ำกว่าประมาณการ 13% ผลประกอบการลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ที่ไตรมาส 3 เป็น High Season ของธุรกิจ แต่เทียบ YoY ถือว่าเติบโตเด่นสุดในกลุ่มโรงพยาบาล
และพบว่ารายได้เดือน ต.ค.-พ.ย. คนไข้ในประเทศกลับมาใช้บริการใกล้เคียงปกติ ส่วนเดือน ธ.ค.กระทบเล็กน้อยจาก COVID-19 ระลอก 2 เบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรปี 64 ที่ 1,387 ล้านบาท +13%YoY ซึ่งคาด COVID-19 จะคลี่คลายใน 2H64 ผู้ป่วยในประเทศจะกลับเข้ามาใช้บริการปกติ ส่วนผู้ป่วยต่างชาติ สัดส่วน 12% จะเริ่มใช้บริการมากขึ้น
จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้มูลค่าพื้นฐานปี 64 ที่ 20.20 บาท ระยะสั้น ราคาอาจอ่อนตัวลง จากผลประกอบการต่ำกว่าที่ตลาดคาด!!
อินเด็กซ์ 51